ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่านได้อะไร.? เมื่อไปงานศพ  (อ่าน 757 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29338
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ท่านได้อะไร.? เมื่อไปงานศพ
« เมื่อ: ตุลาคม 07, 2019, 07:04:53 am »
0



ท่านได้อะไร.? เมื่อไปงานศพ
โดย พระธรรมโกศาจารย์ (ปัญญานันทภิกขุ)

งานศพให้อะไรมากกว่าที่คิด หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ได้กล่าวถึงสิ่งที่เราจะได้จากการไปงานศพ ดังความตอนหนึ่งว่า

“…ที่เรามาในงานศพนี้ คนโบราณเขาบอกว่ามีอานิสงส์มาก อานิสงส์ นั้นหมายถึงอะไร ก็หมายถึง “ผล” ผลในที่นี้หมายถึงคุณค่าทางจิตใจ มากกว่าทางวัตถุ เพราะว่าทางวัตถุนั้นเราจะหาจากที่ใดก็ได้ แต่คุณค่าทางใจนั้นมักจะได้จากที่อย่างนี้

“เรามาในงานศพ ถ้ามาเฉย ๆ กลับไปก็ไม่ได้อะไร เราควรมาคิดนึก นั่งเงียบ ๆ แล้วก็ดูศพ เอาศพมาเป็นเครื่องเตือนตัวเอง แล้วถามตัวเองว่าเวลานี้ อายุเท่าไหร่ เราอยู่ในฐานะอะไร มีโรคภัยประจำตัวบ้างไหม เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับเรานั้น เวลานี้เป็นคนอย่างไร บางคนก็ไปแล้ว ไปหลายวัน หลายเดือน หลายปีแล้วก็มี เรานี่ยังอยู่ ก็นับว่าเป็นบุญนักหนาที่ยังมีชีวิตอยู่

อยู่เพื่ออะไร…? อยู่เพื่อความดีต่อไปไม่ใช่อยู่เพื่อกินเพื่อเล่น เพื่อความสนุกสนาน เพราะเพียงกินเล่นสนุกสนาน ไม่ต้องเป็นมนุษย์ก็ทำได้ สัตว์เดรัจฉานทั้งหลายมันก็กินได้ สนุกได้ มัวเมาในเรื่องอะไร ๆ ก็ได้ เราเป็นผู้เป็นคน มันต้องวิเศษกว่าสัตว์เหล่านั้น เราต้องนึกว่าจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ทำชีวิตของเราให้ดีขึ้นภายหลังที่ได้มางานศพนี้แล้ว เราเอาศพเป็นเครื่องเตือนใจกลับไปบ้านอย่างนี้ได้ประโยชน์ประการหนึ่ง

@@@@@@

“อีกประการหนึ่งในการมางานศพนั้น เราอย่าเพียงเผาศพในโลง ซึ่งเขาเรียกว่า “เผาผี” ผีในที่นี้ก็หมายถึงซากที่ยังเหลืออยู่ เผาคนที่ตายแล้ว เรียกว่าเผาผี เราไปเผาผีข้างนอก เราเผาผีในโลง เผาด้วยไฟ

“ทีนี้เรามาพิจารณาเผาผีในตัวเราบ้าง ในตัวเรามีผีอะไรอยู่บ้าง เมื่อพูดอย่างนี้ญาติโยมจะว่า “แหม! ว่าเรามีผี” ผีมีด้วยกันทั้งนั้น มีอยู่ในใจ ผีคือสิ่งที่ไม่ดีไม่งามในใจ ถ้าเกิดบ่อย ๆ ทำให้เรายุ่งยากลำบากเดือดร้อน เรียกว่าเป็นผี ผีอยู่ในตัวเราทุกคน มีมากบ้างน้อยบ้าง สุดแต่เหตุการณ์ในชีวิตแต่ละบุคคลนั้น ๆ หรือสุดแต่ปัญญา ถ้าปัญญามีมาก ผีน้อย ปัญญาน้อย ผีมาก ถ้ารู้เท่าทัน ผีไม่ค่อยเกิด ถ้าไม่รู้เท่ารู้ทัน ผีชอบเกิดบ่อย ๆ

“เวลาผีเกิด มันก็มักจะยุ่งในครอบครัว เช่น พ่อบ้านเกิดผีขึ้น ทะเลาะกับแม่บ้าน แม่บ้านเกิดผีขึ้นบ้าง ก็เลยเถียงกัน ไม่ดูหน้ากันสามวัน กินข้าวโต๊ะเดียวกันก็ไม่พูดจากันอย่างนั้น เรียกว่าผีเข้าสิง มันมา “ยุให้รำ ตำให้รั่ว” ให้เกิดความเสียหายล้วนแต่เป็นของไม่ดี เรียกว่า ผีประจำใจ

“เรามาเผาผีแล้วอย่าเผาแต่ผีนอก ผีที่อยู่ข้างในเผาเสียบ้าง ก่อนที่จะเผาผีข้างใน ก่อนขึ้นบนเมรุก็นั่งดูว่า “เออ…กูนี่ไม่เท่าไรก็จะตายแล้ว” เวลานี้มีอะไรบกพร่อง มีอะไรไม่ดีไม่งามเป็นสิ่งที่ควร “ละ” เสียโดยเร็วรู้ได้ด้วยกันทั้งนั้น กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้องของใคร ๆ ก็รู้ด้วยกันทั้งนั้นแหละ แต่ว่ารู้แล้วทำเป็นไม่รู้เสียไม่รับเสียเท่านั้นเอง


@@@@@@

“ถ้ารู้ว่าอะไรไม่ดีไม่งามอย่างนั้นอย่างนี้ในตัวเรา ควรจะทิ้งมันเสียที ให้สมกับอายุอานามสังขารร่างกาย เราก็ตั้งจิตอธิษฐานว่า จะเลิกจากสิ่งนั้นสิ่งนี้ เลิกเที่ยวเตร่ เลิกกินเหล้า เลิกประพฤติเหลวไหลไม่ดีไม่งาม เลิกเกลียดเลิกโกรธใคร ๆ ทำจิตใจให้อยู่ในสภาพสงบ ให้เป็นตัวอย่างแก่บุคคลชั้นผู้น้อยในตระกูลในวงงานวงการ

“ถ้าเราตั้งใจอย่างนี้เรียกว่าเผาผี เผาผีคือเผาความชั่วให้ออกไปจากใจ ได้ความรู้สึกตัวเหมือนกับว่าเกิดใหม่กลับบ้านไปเป็นคนละคนกัน ก่อนนี้เราเป็นอย่างหนึ่ง เวลาเผาศพแล้วกลับไปเป็นอีกคนหนึ่ง มาเผา “ผีนอก” คราวหนึ่ง ก็เผา “ผีใน” เสียอย่างหนึ่ง เผาบ่อย ๆ ผีไม่มี มีแต่พระอยู่ในใจของเรา เราก็มีความสุขสบายตามสมควรแก่ฐานะ

“อันนี้เป็นข้อคิดอยากฝากไว้ ให้ท่านทั้งหลายที่มาเผาศพนี้ได้นำไปคิดไปตรอง หรือถ้าเรามากันสองคนสามีภรรยา นั่งรถกลับบ้านด้วยกัน ก็คุยกันไป เออ…นี่พี่ทิ้งผีอะไรบ้าง น้องทิ้งผีอะไรบ้าง สมมติว่าแม่บ้านชอบเล่นไพ่ ผีไพ่เข้าสิง อยู่ในบ้านไม่ได้ ว่าง ไปนั่งล้อมวง เราก็พูดกันว่า “เออ…เมื่อไรน้องจะทิ้งผีตัวนั้น ผีไพ่น่ะ” ภรรยาก็บอกว่า “แล้วพี่เมื่อไรจะทิ้งเจ้าผีตัวนั้นเสียที” เราก็นั่งคุยกันไปในรถ คุยกันไปเพื่อให้รู้ว่าใครมีผีอะไรในตัว แล้วก็ได้ชวนกันเลิกละผีตัวนั้น ถ้าหากว่ามันจะกลับมาอีกก็คอยบอกว่า ระวัง ๆ…อย่าให้ผีมันกลับมา

@@@@@@

“...ผีในใจคนน่ากลัว ผีในป่าช้าในโลงไม่น่ากลัวอะไร ไม่เคยทำให้ใครเสียหาย แต่ผีแบบนี้ร้าย เราต้องช่วยกันแก้ไข

“เพื่อนฝูงมิตรสหายของเราก็เหมือนกัน ถ้าเรารู้ว่าเพื่อนของเรามีผีอะไร คอยบอกคอยเตือนให้เขารู้ตัวว่ามีผีแล้ว เสกน้ำมนต์คือธรรมะนี่แหละช่วยเตือนช่วยบอกกันให้รู้ว่าผีอย่างนั้นมันมีอยู่ เราอย่าไปตามผีกับเขาก็แล้วกัน ช่วยกันแก้ไข เรื่องทั้งหลายก็จะเรียบร้อยดีงาม”


 
ที่มา : ปาฐกถาธรรม โดย พระธรรมโกศาจารย์ (ปัญญานันทภิกขุ) ณ ฌาปนสถานวัดชลประทานรังสฤษฏ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
Image by Helga Kattinger from Pixabay
Secret Magazine (Thailand)
ขอบคุณ : https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/dhamma/177574.html
By ying ,6 October 2019
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ