ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พระพิมลธรรม ‘อาจ อาสโภ’  (อ่าน 1025 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
พระพิมลธรรม ‘อาจ อาสโภ’
« เมื่อ: ตุลาคม 25, 2019, 06:24:19 am »
0


พระพิมลธรรม ‘อาจ อาสโภ’ (ตอนแรก)
คอลัมน์ รู้ไปโม้ด โดย น้าชาติประชาชื่น

พระพิมลธรรม ‘อาจ อาสโภ’ – น้าชาติ รองนายกฯ วิษณุ กล่าวถึงกรณี นายสุวิทย์ พุทธะอิสระ จะกลับมาห่มจีวร โดยเทียบกับ พระพิมลธรรม (อาจ อาสภเถระ) ที่โดนจับข้อหาคอมมิวนิสต์และกลับมาห่มผ้าไตรจีวร เล่าเรื่องพระพิมลธรรมหน่อยครับ....สรัสวดี

ตอบ สรัสวดี : สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสโภ) คือสมณศักดิ์สุดท้ายของพระเถระรูปสำคัญนี้ ซึ่งเมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระพิมลธรรม (ก่อนจะถูกถอดออกจากสมณศักดิ์ เป็นพระมหาอาจ ในพ.ศ.2503) ต่อมาพ.ศ.2505 ได้ถูกทางการกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ จึงถูกบังคับสึกเป็นฆราวาส และจำคุกอยู่ที่กองบังคับ การตำรวจสันติบาลอยู่หลายปี จนกระทั่งศาลทหารสามารถพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นความเท็จ และตัดสินยกฟ้องเมื่อพ.ศ.2509 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงโปรดให้คืนสู่สมณศักดิ์เดิมตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ.2518 คดีดังกล่าวนับเป็นเหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์พุทธศาสนาของไทย

ท่านเป็นสมเด็จพระราชาคณะ อดีตเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราช รังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และยังเป็นผู้นำการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐานสี่ (หรือแบบยุบหนอ–พองหนอ) จากพม่ามาเผยแพร่ในประเทศไทย



นามเดิม คำตา ดวงมาลา เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน 2446 แรม 4 ค่ำ เดือน 12 ณ บ้านโต้น ต.บ้านโต้น อ.เมือง จ.ขอนแก่น ภายหลังเมื่อย้ายมาอยู่วัดมหาธาตุฯ พระธรรมไตรโลกาจารย์ (เจ้าอาวาสขณะนั้น) ได้เปลี่ยนชื่อท่านจากคำตา เป็นอาจ เพื่อให้เหมาะกับบุคลิกองอาจแกล้วกล้าของท่าน

เมื่ออายุ 14 ปี บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดศรีจันทร์ ขอนแก่น ต่อมาย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดมหาธาตุฯ จนอายุครบ 20 ปีจึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดมหาธาตุฯ โดยมีสมเด็จพระวันรัต (เฮง เขมจารี) ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่พระธรรมไตรโลกาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระญาณสมโพธิ (สวัสดิ์ กิตฺติสาโร) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระพิมลธรรม (ช้อย ฐานทตฺโต) ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่พระศรีสมโพธิ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า อาสโภ



เกี่ยวกับการศึกษา ได้ศึกษาอักษรลาวตั้งแต่บวชเป็นเณรที่ขอนแก่น ต่อมาเป็นลำดับ ระหว่างพ.ศ.2461-2472 สอบได้วิชาครู เทียบเท่าชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนขอนแก่นวิทยาคาร (ปัจจุบันคือโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน), สอบได้นักธรรมชั้นตรี สำนักเรียนวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์, สอบได้นักธรรมชั้นโท, สอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค, สอบได้เปรียญธรรม 4 ประโยค, สอบได้เปรียญธรรม 5 ประโยค, สอบได้เปรียญธรรม 6 ประโยค (ได้รับพระราชทานพัดหน้านางพื้นแพรเหลืองล้วนปักดิ้นเลื่อม ในการตั้งเปรียญวันที่ 2 พฤษภาคม 2471, สอบได้นักธรรมชั้นเอก, สอบได้เปรียญธรรม 7 ประโยค และสอบได้เปรียญธรรม 8 ประโยค

สมณศักดิ์ พ.ศ.2477 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ที่พระศรีสุธรรมมุนี, 2482 เป็นพระราชาคณะชั้นราชในราชทินนามเดิม, 2489 เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ที่พระเทพเวที ตรีปิฎกคุณสุนทรธรรมภูษิต ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี, 2490 เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ที่พระธรรมไตรโลกาจารย์ ปรีชาญาณดิลก ตรีปิฎกคุณาลงกรณ์ ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี, 2492 เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองชั้นหิรัญบัฏ ที่พระพิมลธรรม มหันตคุณ วิบุลปรีชาญาณนายก ตรีปิฎกคุณาลังการภูษิต ยติกิจสาทร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี



พ.ศ.2503 ถูกถอดจากสมณศักดิ์, 2518 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์กลับคืน กระทั่งปี 2528 เป็นสมเด็จพระราชาคณะ ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ สมถวิปัสสนาญาณปรีชา อรัญญิกมหาปริณายก ตรีปิฎกโกศล วิมลคัมภีรญาณสุนทร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี อรัญวาสี

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสโภ) อาพาธ และได้ถึงแก่มรณภาพอย่างสงบด้วยภาวะหัวใจวาย เมื่อวันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม 2532 เวลา 11.15 น. ณ โรงพยาบาลสยาม กรุงเทพมหานคร สิริอายุได้ 86 ปี 1 เดือน พรรษา 66 ตั้งศพบำเพ็ญกุศล ณ ตำหนักสมเด็จ วัดมหาธาตุ, เป็นเวลา 100 วัน ครบเมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ.2533 โดยมีคณะเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายทุกคืนทุกวัน บางวันมีคณะเจ้าภาพหลายคณะร่วมบำเพ็ญกุศล และตลอดมาจนถึงวันที่ 14 เมษายน พ.ศ.2533 ทรงพระกรุณาโปรดออกเมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส

ฉบับพรุ่งนี้ (22 ต.ค.) อ่านเรื่องคดีความของท่าน ซึ่งเป็นเรื่องที่สร้างความสะเทือนใจให้แก่ศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนในประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง



ขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/amulets/news_2986833
วันที่ 21 ตุลาคม 2562 - 01:19 น




พระพิมลธรรม ‘อาจ อาสโภ’ (ตอนจบ)
คอลัมน์ รู้ไปโม้ด โดย…น้าชาติ ประชาชื่น

พระพิมลธรรม – ฉบับวานนี้ (21 ต.ค.) “สรัสวดี” ถามเรื่อง พระพิมลธรรม ที่รองนายกฯ วิษณุยกเทียบเคียงกรณีนายสุวิทย์ พุทธะอิสระ จะกลับมาห่มจีวร เมื่อวานตอบถึงประวัติของท่าน วันนี้อ่านกันต่อเรื่องที่ทางการจับขัง

พ.ศ.2503 เมื่อครั้งสมเด็จ พระพุฒาจารย์ (อาจ อาสโภ) ดำรงสมณ ศักดิ์เป็นพระพิมลธรรม ได้ถูกกล่าวหาว่าเสพเมถุนทางเวจมรรคกับลูกศิษย์ และมีข่าวว่าพระศาสนโศภน (ปลอด อตฺถการี) อยู่กับสีกาสองต่อสองในที่ลับหูลับตาหลายครั้ง สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปลด กิตฺติโสภโณ) จึงมีพระบัญชาให้ทั้งสองรูปพ้นจากตำแหน่งเจ้าอาวาส แต่ทั้งสองรูปปฏิเสธ โดยตั้งใจจะต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน คณะสังฆมนตรีของสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (จวน อุฏฺฐายี) จึงมีมติว่าทั้งสองรูปฝ่าฝืนพระบัญชา ไม่ควรอยู่ในสมณศักดิ์ต่อไป จึงโปรดให้ถอดทั้งสองรูปออกจากสมณศักดิ์ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2503



ต่อมา พ.ศ.2505 พระมหาอาจถูกทางการกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ถูกบังคับสึกเป็นฆราวาส และจำคุกอยู่ที่กองบังคับการตำรวจสันติบาลอยู่ 5 ปี กระทั่งศาลทหารสามารถพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นความเท็จและตัดสินยกฟ้องเมื่อพ.ศ.2509 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงโปรดให้พระเถระทั้งสองรูปคืนสู่สมณศักดิ์เดิมตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2518

เว็บไซต์ศิลปวัฒนธรรม www.silpa-mag.com เผยแพร่รายงาน “วิถีพระพิมลธรรม โดนขัง 5 ปีคดีคอมมิวนิสต์–ความมั่นคง สู่ศาลทหารยกฟ้อง ชี้ว่าบริสุทธิ์” ว่า วันที่ 20 เมษายน 2505 เวลาบ่าย ประมาณ 13.30 น. ขณะที่พระพิมลธรรม (อาจ อาสภมหาเถร) พระมหาเถระระดับรองสมเด็จพระราชาคณะชั้นหิรัญบัฏ สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครอง เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์ กำลังนั่งสนทนากับญาติโยมที่มาเยี่ยม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นจับกุมพระพิมลธรรมโดยข้อหาว่า “มีการกระทำผิดต่อความมั่นคงของรัฐและกระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์ และกระทำผิดต่อความมั่นคงของรัฐบาลภายในราชอาณาจักร” อันเป็นความผิดอาญามีโทษร้ายแรงถึงขั้นประหารชีวิต

จากนั้นได้นำท่านไปคุมขังไว้ที่สันติบาล แล้วตำรวจได้นิมนต์พระธรรมคุณาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดพระนคร วัดสามพระยา และพระธรรมมหาวีรานุวัตร วัดไตรมิตรวิทยาราม มาสึกพระพิมลธรรม โดยพระพิมลธรรมได้เขียนหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมเมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. ของวันที่ 21 เมษายน 2505

@@@@@@

หลังจากที่พระสังฆาธิการทั้ง 2 รูปรับหนังสือไว้ พระธรรมคุณาภรณ์ยกมือขึ้นไหว้พระพิมลธรรม พูดว่า “ผมขอผ้าเหลืองก็แล้วกัน” แล้วจึงค่อยปลดเปลื้องจีวรส่วนบน ส่วนพระธรรมมหาวีรานุวัตรเข้ามากราบที่ตักพระพิมลธรรมพร้อมช่วยเปลื้องผ้าเหลืองส่วนล่างเพื่อนำให้ตำรวจในการจะเปลื้องผ้าเหลืองออก ขณะที่ตัวอดีตพระพิมลธรรมอยู่ในกิริยาอาการนั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้นวม หลับตา มือนับลูกประคำ ใจเจริญพระพุทธคุณ 108 บท ด้วยจิตใจที่ไม่หวั่นไหว

นี่เป็นวิบากกรรมที่ท่านต้องเผชิญอยู่ในที่คุมขังถึงระยะเวลา 5 ปี และในระหว่างที่ถูกคุมขังอยู่นั้น นายอาจ ดวงมาลา (ตามที่เจ้าหน้าที่เรียก) ได้ประกาศความเป็นสมณสัญญาอยู่ คือ จะทำทุกอิริยาบถเหมือนเดิม เหมือนเป็นพระภิกษุทุกประการ เช่น การฉันอาหาร ต้องให้ตำรวจช่วยประเคน เป็นต้น เพราะถือว่าตนนั้นมิได้สึกแต่ประการใด เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบผ้าที่ครองเท่านั้น แม้ความเป็นพระก็ไม่ได้อยู่ที่ผ้า แต่อยู่ที่การประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย

เหตุการณ์ที่ถูกจับกุมในครั้งนี้ยิ่งทำให้อดีตพระพิมลธรรมกลับได้รับความศรัทธาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณถึงการต่อสู้เพื่อความบริสุทธิ์ของตน มีคณะศิษย์ไปเยี่ยมมากมายมิได้ขาด จนสันติบาลอันเป็นสถานที่ถูกคุมขังได้รับการขนานนามว่า “สันติปาลาราม” เสมือนเป็นวัด ในระหว่างที่จำพรรษาอยู่ในสันติบาลนั้นก็ได้เขียนหนังสือสั่งสอนลูกศิษย์อยู่เสมอ


หลังจากถูกขังเป็นเวลาถึง 5 ปี เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ เหล่าศิษยานุศิษย์ผู้นับถือพากันประท้วงร้องเรียนถึงความเป็นธรรมจนนำไปสู่การตัดสินของศาลทหาร พิพากษายกฟ้องรับรองความบริสุทธิ์ของท่านในวันที่ 30 สิงหาคม 2509 หลังจากนั้นอดีตพระพิมลธรรมได้นุ่งสบงครองจีวรพาดสังฆาฏิ เป็นที่ปลื้มปีติโสมนัสแก่พุทธบริษัทที่มาประชุมฟังการพิจารณาครั้งนี้อย่างคับคั่ง มีพระภิกษุสามเณรประมาณ 1,000 รูป คฤหัสถ์ประมาณ 300 คน ล้นแน่นศาล

จากเหตุการณ์ที่ศาลได้รับรองความบริสุทธิ์อดีตพระพิมลธรรมแล้ว ผู้คนต่างศรัทธาต่ออดีตพระพิมลธรรมเป็นอย่างมาก มีการชุมนุมเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้ท่าน เช่น การขอให้เพิกถอนพระบัญชาความผิดคืน การขอพระราชทานสมณศักดิ์กลับคืน ขอคืนตำแหน่งเจ้าอาวาสดังเดิม เป็นต้น



ขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/amulets/news_2988379
วันที่ 21 ตุลาคม 2562 - 10:27 น.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ