ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: บาบา อัมเท ยอมทิ้งความเป็นวรรณะสูงสุด เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเรื้อน  (อ่าน 840 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



บาบา อัมเท ยอมทิ้งความเป็นวรรณะสูงสุด เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเรื้อน

บาบา อัมเท (Baba Amte) เป็นชาวอินเดียวรรณะพราหมณ์ ซึ่งเป็นวรรณะสูงสุดในสังคมอินเดีย

เขาเกิดมาบนกองเงินกองทอง เพียบพร้อมด้วยเกียรติ ฐานะ หน้าตา ความรู้ และหน้าที่การงาน แต่วันหนึ่งเขาทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง หันมาอุทิศชีวิตแก่คนซึ่งเป็นที่รังเกียจ ถูกดูถูก ถูกทอดทิ้งละเลย เป็นกลุ่มคนที่สังคมอินเดียถือว่าเป็นวรรณะที่ต่ำกว่าคนในวรรณะจัณฑาล ซึ่งเป็นวรรณะต่ำที่สุดของอินเดียเสียอีก

อะไรคือสาเหตุของความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่เช่นนี้

บาบาเป็นชื่อเล่นที่พ่อของเขาเรียก แปลว่า “เจ้าตัวน้อย” เมื่อเขาสิ้นชีวิตในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ. 2551 ขณะอายุ 93 ปี คนหลายล้านคนยังเรียกเขาว่า ”บาบา” แต่ด้วยความหมายที่ต่างไป สำหรับคนเหล่านั้น บาบา แปลว่า ”พ่อ”



มหาบุรุษ มหาตมะคานธี และมหากวีรพินทรนาถ ฐากูร เป็นบุคคลที่บาบาชื่นชมและถือเป็นแบบอย่างมาตลอด เมื่อตอนอายุ 30 ปีเศษ เขาได้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่อาศรมของคานธีพักหนึ่ง ทำให้บางสิ่งบางอย่างกำเนิดขึ้นในสำนึกของเขา

หลังกลับมาบาบาใช้ชีวิตและประกอบอาชีพนักกฎหมายเหมือนเคย แต่ลูกความของเขาเปลี่ยนจากคนรวยซึ่งมีเงินจ่ายค่าทนายสูงลิ่วเป็นคนยากคนจน บาบาเลิกฟุ้งเฟ้อและลดเลิกความสะดวกสบายส่วนตัว วันหนึ่งเมื่อมีคนจรจัดมาเล่าความคับแค้นและปัญหาให้เขาฟัง บาบา อัมเท ก็หันไปทดลองใช้ชีวิตแบบคนร่อนเร่ หาเลี้ยงชีพด้วยการเก็บขยะขาย เพื่อจะได้เข้าใจคนจรจัดจริง ๆ



คืนหนึ่ง ขณะที่บาบากำลังเก็บขยะ ซึ่งมีเศษผักเน่าปะปนอยู่กับอุจจาระทั้งของคนและสัตว์ และนำมาใส่ไว้ในตะกร้าทูนไว้บนศีรษะ บาบารู้สึกว่าสัมผัสเข้ากับบางสิ่งบางอย่าง วูบแรกเขาคิดว่าเป็นกองผ้าขี้ริ้ว แต่เมื่อเพ่งดูกองผ้าขี้ริ้วดูเหมือนจะขยับได้ แท้จริงกองผ้าเน่า ๆ นั้นคือมนุษย์ที่เป็นโรคเรื้อนใกล้ตาย ตา จมูก นิ้วมือ นิ้วเท้า ถูกโรคเรื้อนทำลายจนไม่มีเหลือ ตามตัวมีหนอนไต่ยั้วเยี้ยเต็มไปหมด ทันทีที่บาบาเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเต็มตา และตระหนักว่าคืออะไร ตัวเขาก็สั่นเทิ้มด้วยความตกใจ ขยะแขยง และออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต

หลังจากคืนนั้น ความโกรธอย่างรุนแรงครอบงำจิตใจของบาบา อัมเท เขาโกรธตัวเอง โกรธที่กลัวและรังเกียจที่จะแตะต้องคนโรคเรื้อน ซึ่งสังคมและตัวเขาเองเชื่อว่าเป็นพวกคนที่กำลังชดใช้กรรมที่ก่อไว้อย่างสาสม และเชื่อว่าถ้าใครไปแตะตัวคนโรคเรื้อนก็จะติดโรคและตายอย่างทรมานในที่สุด





บาบาบอกกับตัวเองว่า ตราบใดที่มีความกลัวก็จะไม่มีความรักในหัวใจ และถ้าไม่มีความรักในหัวใจ ชีวิตก็คือลมหายใจที่ไร้คุณค่า และด้วยสำนึกดังนี้ บาบา อัมเท จึงหันไปใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางคนโรคเรื้อน สร้างเมืองใหม่จากแผ่นดินโล่งเตียนไร้ค่าเพื่อเป็นที่พักอาศัย ที่ศึกษาหาความรู้ และที่ประกอบอาชีพ ไม่ใช่เฉพาะสำหรับคนเป็นโรคเรื้อนเท่านั้น แต่สำหรับคนตาบอด หูหนวก บ้าใบ้ รวมทั้งโรคอื่น ๆ ที่สังคมรังเกียจและไม่เคยไยดี

บาบา อัมเทเชื่อในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างมุ่งมั่น เขาเชื่อว่านี่คือวิถีทางที่ถูกต้องของการพัฒนาซึ่งจะมีผลในระยะยาว เขาหันมาสนใจเรื่องธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพราะนั่นคือสิ่งที่บ่มเพาะความเป็นมนุษย์

บาบา อัมเทระบุว่า เมื่อเขาตาย เขาไม่ต้องการให้เผาศพตามธรรมเนียมของชาวอินเดีย แต่ต้องการให้นำศพเขาไปฝัง เพื่อให้ร่างของเขาได้ทำประโยชน์ให้สิ่งที่เขาเคยรังเกียจ นั่นคือความดำมืดภายใต้ผืนธรณี





ที่มา : นิตยสาร Secret
เรื่อง :  มณฑาทิพย์ กฤษณามระ, มณฑน์พัชร์ กาญจนลักษณ์
ภาพ : กูเกิ้ล
Secret Magazine (Thailand)
ขอบคุณ : https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/181780.html
By ying ,1 November 2019
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ