ทำได้มั้ย.? ปั้นมหาจุฬาฯ สู่ 'วิทยาลัยนาลันทา ศตวรรษที่ 21.'สัปดาห์นี้ไปดูมหาจุฬาฯ วาดฝันเป็น “มหาวิทยาลัยนาลันทาในศตวรรษที่21” จะทำได้หรือไม่ เพราะความขัดแย้งในประเทศยังแก้ไม่ได้
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานี้ผมไปร่วมงานการมาเยี่ยมชมมหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยของ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีท่านมาครั้งแรก หลังจากก่อนหน้านี้ได้ไปเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยมหากุฎราชวิทยาลัย
หลังจากชมวีดีทัศน์แนะนำมหาวิทยาลัยและ พระราชปริยัติกวี อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กล่าวต้อนรับเป็นที่เรียบร้อย ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ ได้พูดถึงบรรยากาศการศึกษาทั้งในประเทศไทยและนานาชาติ รวมทั้งสถาบันการศึกษาการศึกษาอื่นๆ ในประเทศไทย ที่มีการแข่งขันการสูงและล้นตลาด มุ่งเน้นไปในทิศทางเดียวกันทำให้การแข่งขันไม่มีที่สิ้นสุด
โดยฝากความหวังไว้กับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย หากต้องการเป็น “มหาวิทยาลัยระดับโลก” หรือต้องการเป็น “มหาวิทยาลัยนาลันทาในศตวรรษที่21” ต้องเป็นแก่นหลักในการนำ “สติกลับคืนมา” สู่ความเป็นอัตลักษณ์ของตนให้ได้ โดยฝากให้ดำเนินการ 2 เรื่อง คือ ทุนมนุษย์ และ ทุนสังคม
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยมีพันธกิจที่สำคัญและแตกต่างจากมหาวิทยาลัยทั่วไป คือมีการเน้นในเรื่องการพัฒนาจิตใจ อีกทั้งมหาวิทยาลัยแห่งนี้มีนัยะสำคัญต่อประเทศในการกระตุ้น เรื่องปัญญามนุษย์ และเรื่องของจิตใจ ซึ่งมองว่า ในช่วงศตวรรษที่ 21 การศึกษาจะเป็นวิถีการเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งทำให้ฐานลูกค้าของมหาวิทยาลัย ไม่ใช่แค่บัณฑิตเท่านั้น มหาวิทยาลัยยังสามารถขยายฐานลูกค้าเป็นกลุ่มบุคคลวัยทำงาน หรือวัยผู้สูงอายุและสำคัญอย่างยิ่ง โครงการวัดประชารัฐสร้างสุข (บวร) บ้าน วัด โรงเรียน เป็นสิ่งที่มหาวิทยาลัยควรยึดถือปฏิบัติต่อไป
“เราเห็นความขัดแย้ง สังคมไทยยังมีความขัดแย้งที่รุนแรง ถ้าเรายังมีความขัดแย้งในสังคมจะส่งผลต่อการเป็นมหาจุฬาระดับโลก มหาจุฬาจะตอบสังคมอย่างไรเมื่อสังคมเกิดความขัดแย้ง เราต้องพัฒนาเป็นทุนสังคม เป็นสังคมที่เกื้อกูลและแบ่งปัน และทุนมนุษย์ มหาจุฬาจึงต้องเป็นเสาหลักของสังคม โลกในศตวรรษที่ 21 มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่ศาสนาพุทธสอนให้เรารู้ว่าเราจะอยู่กับโลกนี้ได้อย่างไร มหาจุฬาจึงต้องทำตัวเป็น เบรคและคันเร่ง ขับเคลื่อนพวงมาลัยให้ไปสู่ปกติสุข ปกติที่มีความสุข ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ จะนำไปสู่ปัญญา ในสังคมเข้าถึงแก่นในทางพระพุทธศาสนา..”
ปัจจุบันมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ส่วนกลาง มีส่วนงานจัดการศึกษา 5 คณะ และ 2 วิทยาลัย ส่วนภูมิภาค มี 11 วิทยาเขต 23 วิทยาลัย 1 โครงการขยายห้องเรียน และ 7 หน่วยวิทยบริการ นอกจากนี้ยังมีสถาบันสมทบทั้งในและต่างประเทศอีก 6 แห่ง

โดยจัดการศึกษาทั้งหลักสูตรภาษาไทยและหลักสูตรนานาชาติรวม 105 สาขาวิชา ประกอบด้วย ปริญญาตรี 54 สาขาวิชา ปริญญาโท 36 สาขาวิชา และปริญญาเอก 15 สาขาวิชา
ในปีการศึกษาปัจจุบันมีนิสิตจำนวน 18,420 รูป/คน แบ่งเป็น ปริญญาตรี 14,846 รูป/คน ปริญญาโท 2,182 รูป/คน ปริญญาเอก 1,392 รูป/คนมีนิสิตชาวต่างประเทศในแต่ละปีละมากกว่า 1,200 รูป/คน นับแต่พุทธศักราช 2490 ถึงปัจจุบัน มีผู้สำเร็จการศึกษาทุกระดับ จำนวน 64,355 รูป/คนปัจจุบัน มีบุคลากร 3,680 รูป/คน แบ่งเป็นสายวิชาการ 1,218 รูป/คน และสายปฏิบัติการ 2,462 รูป/คน
การจะเป็นมหาวิทยาลัยระดับโลกหรือฝันที่จะเป็น “มหาวิทยาลัยนาลันทาในศตวรรษที่21” จะทำได้หรือไม่ เป็นโจทย์ท้าทายมิใช่แค่ผู้บริหารมหาจุฬาเท่านั่น เป็นโจทย์ที่ท้าทายทั้งรัฐบาลและสังคมไทยทั้งมวล ยิ่งรัฐมนตรีพูดถึงความขัดแย้งในสังคมไทยทำนองอยากให้มหาจุฬา เข้าไปมีส่วนร่วมในการแก้ไข เพราะมันกระทบต่อเป้าหมายที่ต้องการจะเป็นมหาวิทยาลัยระดับโลก ปัญหาความขัดแย้งในประเทศไทยตอนนี้ยังแก้ไม่ได้..คิดจะเป็นสร้างสันติสุขในสังคมโลก มันก็ถูกนานาชาติหัวเราะเอาได้นะพระคุณเจ้า.คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง โดย “เปรียญ10” :
riwpaalueng@gmail.comขอบคุณที่มา :
https://www.dailynews.co.th/article/750630พุธที่ 8 มกราคม 2563 เวลา 11.00 น.