ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ปุถุชน-อริยชน ย่อมเรียนรู้ โลกธรรมแตกต่างกัน  (อ่าน 939 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


ปุถุชน-อริยชน ย่อมเรียนรู้ โลกธรรมแตกต่างกัน โดย ท่านเจ้าคุณอุบาลี

โลกธรรมนั้นเป็นสิ่งธรรมดาโลก : โลกธรรม ๘ อันประกอบด้วย สุข-ทุกข์ ได้ลาภ-เสื่อมลาภ ได้ยศ-เสื่อมยศ ได้รับคำสรรเสริญ-ถูกนินทา นั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนจะต้องเผชิญ การยอมรับในธรรมดาโลกว่า ไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้คงทน สรรพสิ่งต้องแปรปรวนไป ย่อมทำให้มีชีวิตอยู่บนโลกอย่างเข้าใจ ไม่หวั่นไหวเมื่อต้องพบสิ่งที่ไม่ปรารถนา

ดังที่ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) ได้ปฏิบัติ ให้เราชาวพุทธผู้เป็นศิษย์พระพุทธเจ้าได้ดำเนินตามแนวทางอันดีงามของท่าน แม้ว่าท่านเจ้าคุณฯ จะเป็นพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติปฏิบัติชอบเพียงใด ก็ไม่อาจจะพ้นไปจากโลกธรรม ๘ อันเป็นสิ่งธรรมดาของโลกได้ ดังตัวอย่างของการ “ได้ยศ-เสื่อมยศ”

@@@@@@

ดั่งคำพระตถาคตที่ตรัสไว้ดีแล้วว่า
     "ดูกรอานนท์ คำที่ว่าให้ปล่อยวางจิตใจนั้น คือว่าให้ละ ความโลภความโกรธความหลง ปลงเสียซึ่งการร้ายและการดี ที่บุคคลนำมากล่าว มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุข ทุกข์ อย่ายินดี อย่ายินร้าย ถ้าละความโลภ ความโกรธ ความหลงในปัจจัยนั้นได้แล้ว จึงชื่อว่า ทำตัวให้เป็นเหมือนแผ่นดินเป็นอันถึงพระนิพพานได้โดยแท้"

โลกธรรมเหล่านี้ย่อมเกิดขึ้นทั้งแก่ ปุถุชนผู้มิได้เรียนรู้ และแก่อริยชน(อริยสาวก)ผู้ได้เรียนรู้ ต่างกันแต่ว่า..

    - คนพวกแรกย่อมไม่รู้เห็นเข้าใจตามความเป็นจริง ลุ่มหลง ยินดียินร้าย ปล่อยให้โลกธรรมเข้าครอบงำย่ำยีจิต ฟูยุบเรื่อยไปไม่พ้นจากทุกข์ มีโสกะปริเทวะ เป็นต้น

    - ส่วนอริยชน(อริยสาวก)ผู้ได้เรียนรู้ พิจารณาเห็นตามเป็นจริง ว่าสิ่งเหล่านี้อย่างใดก็ตามที่เกิดขึ้นแก่ตน ล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ไม่หลงใหลมัวเมาเคลิ้มไปตามอิฏฐารมณ์ ไม่ขุ่นมัวหม่นหมอง คลุ้มคลั่งไปในเพราะอนิฏฐารมณ์ มีสติดำรงอยู่ เป็นผู้ปราศจากทุกข์ มีโสกะ ปริเทวะ เป็นต้น

@@@@@@

พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) เป็นพระภิกษุฝ่ายเถรวาท คณะธรรมยุติกนิกาย ชาวจังหวัดอุบลราชธานี มีนามเดิมว่าจันทร์ เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๙๙ (นับแบบปัจจุบันตรงกับ พ.ศ. ๒๔๐๐) ตรงกับวันแรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะโรง พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ อาพาธด้วยโรคชรา ถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ สิริอายุ ๗๕ ปี ๑๒๑ วัน

 

แหล่งที่มา : เฟซบุ๊กคุณ Namo Namo Namo
ขอบคุณ : http://www.trueplookpanya.com/true/ethic_detail.php?cms_id=25234
โพสต์ : วันที่ 19 มี.ค. 2559 เวลา : 14:49 น.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ