« เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2020, 06:00:27 am »
0
รูปพระพุทธเจ้าพวกเราทุกคนยังมีบุญไม่มากพอ ที่จะได้เกิดมาในยุคที่พระพุทธเจ้ายังมีชีวิตอยู่ เราจึงไม่เคยเห็นว่าจริงๆพระองค์รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตาม มีรูปบางรูปที่คนพยายามบอกว่า นี่คือรูปของพระพุทธเจ้า ซึ่งเท่าที่ผมได้รับมาจะมีอยู่ 2 รูป
รูปแรกที่เป็นรูปขาวดำ ที่ระบุว่าเป็นรูปพระพุทธเจ้าตอนอายุ 41 พรรษา วาดโดยอัตรสาวกพระองค์หนึ่ง และถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ที่ลอนดอน และบอกว่าเป็นสมบัติล้ำค่าของชาวพุทธทั่วโลก คำถามคือ เป็นรูปพระองค์จริงหรือเปล่า
รูปนี้หากเราพิจารณาโดยไม่ต้องมีความรู้อะไรมากก็จะเห็นว่า ในรูปนี้ใส่ตุ้มหู และมีหนวดเครา แค่นี้ก็คงตอบคำถามอะไรได้หลายอย่างมากแล้ว ว่าเป็นไปได้แค่ไหนที่พระพุทธเจ้าจะทำแบบนั้น
อย่างที่สองก็คือ หากจะสรุปโดยคร่าวๆว่าพระพุทธเจ้าหน้าตาเป็นอย่างไร ก็ต้องตอบว่าพระพุทธเจ้าหน้าตาดี ดีมากพอที่จะทำให้คนลุ่มหลงได้ เพราะในพระไตรปิกมีการกล่าวถึงผู้ที่ลุ่มหลงในความสง่างามของพระพุทธเจ้าและในพระไตรปิฎกก็มีการกล่าวเรื่องความสง่างาม ที่มีมากจนใครเห็นก็ศรัทธา ลองดูรูปนี้ก็คงได้คำตอบว่าดูดีหรือเปล่า
อย่างที่สามก็คือ พระพุทธเจ้าจะมีลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการ(พระไตรปิฎกเล่มที่ 11 ข้อ130) ซึ่งจะมีดวงตาดำสนิท และมีดวงตาแจ่มใสดั่งลูกโคที่พึ่งคลอด (ดูในรูปนี้แล้วคงไม่น่าจะใกล้เคียง) และพระพุทธเจ้าเวลามอง จะมองตรง มองทั้งตัว จะไม่ใช้หางตามอง ดังในพระไตรปิฎกเล่มที่ 13 ข้อ 589 ได้กล่าวไว้ว่า
"เมื่อทอดพระเนตร ทรงทอดพระเนตรด้วยพระกายทั้งหมด ไม่ทรงทอดพระเนตรขึ้นเบื้องบน ไม่ทรงทอดพระเนตรลงเบื้องต่ำ เสด็จดำเนินไม่ทรงเหลียวแล ทรงทอดพระเนตรประมาณชั่วแอก"
สรุปว่า รูปนี้ดูยังไงก็ไม่น่าจะเป็นรูปพระพุทธเจ้าจริงๆ เพราะแทบไม่มีอะไรสอดคล้องกับลักษณะของพระพุทธเจ้า ตามที่มีในพระไตรปิฎกเลย
รูปที่สองเป็นรูปสี และเป็นรูปยอดนิยม ที่มีคนจำนวนมากเชื่อว่าเป็นรูปพระพุทธเจ้าจริงๆ หากดูในด้านความสง่างาม และภาพโดยรวม ก็ถือได้ว่ามีแนวโน้มจะเป็นไปได้ แต่ว่าลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการนั้น ละเอียดมากจนเราไม่สามารถสรุปจากรูปลักษณ์ภายนอกได้ เช่น ใน 1 รูขุมขนจะมีขนเพียงเส้นเดียว ลายพื้นเท้าของพระองค์จะเป็นรูปกงจักร และมีลายดุจตาข่าย ผิวของพระองค์จะดีดั่งทอง และฝุ่นจะไม่ติดกาย มีฟัน 40 ซี่ที่เสมอเรียบไม่ห่าง ฯลฯ
และที่สำคัญที่สุด ในพระไตรปิฎกจะมีคนจำนวนมาก ที่ได้ทราบเรื่องลักษณะมหาบุรุษจากคำภีร์ที่บันทึกเอาไว้ เมื่อมาพบพระพุทธเจ้า แล้วได้พยายามสำรวจทุกอย่าง อย่างละเอียด ก็สามารถสำรวจได้เพียง 30 ประการเท่านั้น เพราะมีอีก 2 อย่างที่ไม่สามารถมองเห็นได้(หากพระองค์ไม่ทำให้เห็น) นั่นคือ พระคุยหะ(อวัยวะในที่ลับ) จะอยู่ในฝัก และพระชิวหา(ลิ้น) จะอ่อนและยาวมากพอที่จะแลบออกมาแผ่ปิดใบหน้าได้
ซึ่งผู้ที่มีบุญและได้ทราบลักษณะมหาบุรุษ แล้วยังสงสัยในอีก 2 ประการนี้ พระองค์ก็จะแสดงอิทธิฤทธิ์ ให้คนนั้นได้เห็นอีก 2 ประการนี้ จนเชื่อมั่นว่าพระองค์คือพระพุทธเจ้า แล้วก็บวชแล้วก็บรรลุอรหันต์
กล่าวโดยสรุปก็คือ รูปที่สองนี้ ก็ยังมีหลักฐานไม่มากพอที่จะสรุปว่าเป็นรูปพระพุทธเจ้าอยู่ดี
@@@@@@
จริงๆแล้ว หากเราใช้หลักกาลามสูตร ในการพิจารณาเรื่องต่างๆที่เข้ามาในชีวิต(หนังสือ ถ้ารู้...(กู)...ทำไปนานแล้วหน้าที่ 11) ก็จะทำให้เราเป็นคนไม่พลาดพลั้งไปเชื่อในเรื่องที่ไม่จริง ไม่มีเหตุผล จริงๆแล้วพระพุทธเจ้าจะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไรไม่สำคัญ เพราะสิ่งที่สำคัญมากกว่าก็คือ พระองค์ตรัสรู้อะไร เพราะสิ่งที่จำเป็นประโยชน์ต่อชีวิตเรามากที่สุดก็คือ ธรรมะที่จะนำมาพัฒนาชีวิต จนมีชีวิตที่ดีขึ้น ดีขึ้น รวมถึงช่วยให้บางคนที่ต้องการหลุดพ้นสามารถนิพพานได้
ดั่งที่พระพุทธเจ้าได้กล่าวเอาไว้ว่า ผู้ที่เกาะชาวจีวรของพระองค์ แต่ไม่ปฏิบัติตามธรรม ก็ไม่ถือว่าใกล้ชิดพระองค์ แต่ผู้ใดที่ปฏิบัติตามธรรม แม้จะอยู่ในป่าหรืออยู่ห่างไกล ก็ถือว่าอยู่ใกล้พระองค์
หากวันนี้ใครที่ยังไม่มีศีล 5 การถือศีล 5 ให้ได้ จึงจะได้ชื่อว่าได้ใกล้ชิดพระพุทธเจ้ามากขึ้น หากใครยังไม่มีโอกาสถือศีลอุโบสถ การหาโอกาสทำให้ได้ จึงจะได้ชื่อว่าได้ใกล้ชิดพระพุทธเจ้ามากขึ้นไปอีก หากใครยังไม่มีโอกาสบวชสัก 1-3 เดือน การหาโอกาสทำให้ได้ จึงจะได้ชื่อว่าได้ใกล้ชิดพระพุทธเจ้ามากขึ้นไปอีก และเมื่อใดก็ตาม ที่เราได้นำธรรมะของพระพุทธเจ้ามาใช้อย่างจริงจัง ก็จะเข้าใจเองว่าทำไมเรื่องที่ว่าพระองค์มีหน้าตาอย่างไรจึงไม่สำคัญ เพราะพระองค์ได้พูดว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา"
ขอบคุณภาพจาก :
https://palungjit.org/ขอบคุณ :
http://www.nutpobtum.com/index.php?mo=3&art=422230ณัฐพบธรรม : ผู้เขียนบทความนี้ , 21/04/2010