ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: คฤหัสถ์​กับบรรพชิต ​ต่างก็ล้วนสำเร็จ เป็นพระอริยบุคคลได้เช่นกัน  (อ่าน 981 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



คฤหัสถ์​กับบรรพชิต​ ต่างก็ล้วนสำเร็จเป็น พระอริยบุคคลได้เช่นกัน

กลุ่มถามตอบปัญหาพระสูตรและพระอภิธรรม

ถามว่า​ ในพระไตรปิฏกก็มีกล่าวแสดงยืนยันไว้ว่าคฤหัสถ์​กับบรรพชิต​ต่างก็ล้วนสำเร็จเป็นพระอริยบุคคลได้เช่นกัน​ ​ก็ในเมื่อคฤหัสถ์​ มี​ลูกเมียได้ ดูหนังดูละครได้​ กินอาหารเมื้อเย็นได้​เป็นต้น​ สบายกว่าบรรพชิต​ซึ่งทำไม่ได้​ ยากลำบากเพราะต้องฝืนกิเลส​ แล้วการบวชจักมีประโยชน์อะไรเล่า.?

คิหิปัพพชิตสัมมาปฏิปัตติปัญหา ​(ปัญหา​เกี่ยวกับ​การปฏิบัติ​ชอบแห่งคฤหัสถ์และบรรพชิต)

พระเจ้ามิลินท์ :​ ”พระคุณเจ้านาคเสน​ พระผู้มีพระภาคทรงภาษิตความข้อนี้ไว้ว่า​
    ‘คิหิโน​ วาหํ ภิกฺขเว​ ปพฺพชิตสฺส​ ว​า​ สมฺมาปฏิปตฺตึ วณฺเณมิ ฯเปฯ อาราธโก​ โหติ ญายํ ธมฺมํ​ กุสลํ -​
    ดูก่อน​ ภิกษุ​ทั้งหลาย​ เราตถาคตย่อมกล่าวสรรเสริญ​สัมมาปฏิบัติ ทั้งของคฤหัสถ์​ ทั้งของบรรพชิต.​
    ดูก่อนภิกษุ​ทั้งหลาย​ คฤหัสถ์ก็ตาม​ บรรพชิต​ก็ตาม​ ย่อมเป็นผู้บรรลุ​ญายธรรม(มรรคผล)​ได้​ เพราะได้ปฏิบัติ​สัมมาปฏิบัติ​ คือ​ การเจริญสติปัฏฐาน​ วิปัสสนา​ญาณ​สะสมไว้ ‘ (องฺ​ ทุก.20/88 วาศัพท์​ มีอรรถ​สมุจจยะ​ จึงแปลว่า​ทั้ง)​ ดังนี้.​

พระคุณเจ้า​นาคเสน​ ถ้าหากว่า​การปฏิบัติ​ส่วนที่เหลือ(สัมมาปฏิบัติศัพท์​ มีอรรถ​ เป็นปธานนัย​ คือพูดถึงสิ่งที่เป็นปธาน แต่หมายเอาสิ่งที่ไม่ใช่ประธาน​ ในที่นี้​ พูดถึงการเจริญสติปัฏฐานและการเจริญวิปัสสนาญาณ​ เป็นปธานสัมมาปฏิบัติ​ แต่หมายเอา​ สัมมาปฏิบัติ​ส่วนที่เหลือ​ของบรรพชิต​ จึงแปลว่า สัมมาปฏิบัติ​ส่วนที่เหลือ)​ ของพวกคฤหัสถ์​ มีการครองผ้าขาว มีการบริโภคกาม​ เช่น​การเกลือกกลั้ว​อยู่กับบุตร​ภรรยา​ การเสวยน้ำหมักจันทน์หอมจากแคว้นกาสี​ ทัดทรงพวงดอกไม้ของหอมใช้เครื่องลูบไล้ผิว ยินดีเงินทอง​ ประดับต่างหูและไว้ทรงผม​แปลก​แตกต่างกันไป​ ผู้คนก็สำคัญว่า​ เป็นสัมมาปฏิบัติในส่วนที่เหลือเช่นกัน เพราะมีการบรรลุ​ญายธรรม​คือมรรคผลได้เช่นกัน​

ส่วนสัมมาปฏิบัติที่เหลือของบรรพชิต​ มี​การครองผ้ากาสาวะ​ อาศัยก้อนข้าวของผู้อื่น​ เป็นผู้บริบูรณ์​ถึงพร้อม​ด้วยจตุปาริสุทธิศีล 4 ประเภท​ สมาทานสิกขาบท​อันเป็นข้อห้าม 150 ข้อ​ ประพฤติอธิกรณสมถุเทศ​(หัวข้อวิธีการสงบระงับอธิกรณ์ 7 วิธี)​นับเป็น​ 1 ข้อ​ ประพฤติกิริยาอันเป็นมรรยาทที่งดงาม​ 75​ ข้อ​ รวมเป็นศีลสิกขาบที่ทรงบัญญัติ​ขึ้น 227 ข้อ​ สมาทานธุดง 13 ข้อ​ ก็ชื่อว่า​ มีสัมมาปฏิบัติ​ เพราะมีการบรรลุญายธรรมคือมรรคผลได้เช่นกัน.

พระคุณเจ้า​ เมื่อเป็นเช่นนั้น​ ในบุคคล​ 2​ จำพวก​ ผู้เป็นคฤหัสถ์​ และผู้เป็นบรรพชิต​ จักมีอะไรเป็นข้อแตกต่างกันเล่า, การบำเพ็ญ​ความเพียรที่กล้าหาญ​ก็เป็นอันไร้ค่า​ การบวชก็เป็นอันหาประโยชน์​มิได้​ การสมาทานสิกขาบทที่ทรงบัญญัติขึ้นก็เป็นอันเป็นหมัน, การสมาทานธุดงค์ก็เป็นอันว่าสูญเปล่า​ ประโยชน์อะไรกับความยากลำบากในการบวชเป็นบรรพชิต​ เพราะความสะดวกสบายอันมีในเพศคฤหัสถ์นั่นแหละ​ ก็สามารถบรรลุญายธรรมคือมรรคผลได้มิใช่หรือ.?“

@@@@@@@

พระนาคเสน : ”ขอถวายพระพร​ มหาบพิตร​ พระผู้มีพระภาค​ทรงภาสิตความข้อที่ว่า​
    ‘ดูก่อน​ ภิกษุ​ทั้งหลาย​ เราตถาคตย่อมกล่าวสรรเสริญสัมมาปฏิบัติทั้งของคฤหัสถ์​ ทั้งของ​บรรพชิต.​
    ดูก่อน​ ภิกษุ​ทั้งหลาย​ คฤหัสถ์​ก็ตาม​ บรรพชิตก็ตาม​ ย่อมเป็นผู้บรรลุญายธรรม(มรรคผล)​ได้​ เพราะได้ปฏิบัติสัมมาปฏิบัติ​ คือการเจริญ​สติปัฏฐาน​ วิปัสสนาญาณสะสมไว้ ‘ ดังนี้​ ก็จริง.​

ขอถวายพระพร​ แต่บรรดาบุคคลผู้ปฏิบัติส่วนนี้ด้วยกันนั้น​ บรรพชิตผู้ปฏิบัติ​สัมมาปฏิบัติส่วนที่เหลือ​ มี​ การสมทานศีลสิกขาบทบัญญัติ​ สมาทานธุดงค์​ เป็นต้น​ ย่อมเป็นผู้​ประเสริฐ​สุด​ เพราะเมื่อบวชแล้ว​ ไม่ปฏิบัติ​สัมมาปฏิบัติ​ส่วนที่เหลือก็จะเป็นผู้ห่างไกล​ความเป็นบรรพชิต​แม้ชื่อสมัญญา​อันเป็นชื่อเรียกขานกัน​ ก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับ​แห่งพุทธบริษัทด้วยกัน​เลย​ ป่วยการที่จะพูดถึงคฤหัสถ์​ทั่วๆไป​

ขอถวายพระพร​ คำว่า​ เป็นผู้ประเสริฐ​สุด​ ก็คือผู้เป็นใหญ่​ แห่งสามัญ​ผล​อันเป็นสถานภาพความเป็นอริยบุคคล​นั่นเอง​ เพราะ​การบวช มีคุณมากมายเป็นอเนกประการ​ ประเมิน​ค่ามิได้​ ด้วยว่าบรรพชิต​ผู้จะปฏิบัติ​สัมมาปฏิบัติในส่วนที่เหลือ​ มีการสมาทานศีลสิกขาบทบัญญัติ​ การสมาทานธุดงค์​เป็นต้น​ ได้บริบูรณ์​ต้องเป็นผู้ประกอบพร้อม​ด้วย​ ความมักน้อย​ ความสันโดษ​ ความสงบเสงี่ยม​ ความไม่คลุกคลีด้วยหมู่คณะ​ ความปรารภความเพียร​ ความไม่ติดที่อยู่​ ความไม่มีเรือน​ ความมีศีลสังวร​ 5​ ครบบริบูรณ์ ความประพฤติ​ขูดเกลากิเลส​ ความฉลาดในข้อที่เป็นองค์คุณ​กำจัดกิเลส

ขอถวายพระพร​ ผู้ปฏิบัติสัมมาปฏิบัติ​ในส่วนที่เหลื่อได้บริสุทธิ์​บริบูรณ์​ จึงเปรียบได้กับพระเจ้า​จักรพรรดิที่มีแก้วมณี​ ชื่อว่า​ ‘ กามททัสสะ ‘​ อำนวยประโยชน์​ทุกอย่างให้พระองค์​ได้​ ตามพระประสงค์

ขอถวายพระพร​ บุคคลไม่สามารถ​นับระลอกลูกคลื่นในมหาสมุทร​ได้​ว่า​ มีจำนวนเท่าใด​ ฉันใด, ขอถวายพระพร​ แม้คุณ​ประโยชน์​การบวช​ ซึ่งมีคุณประโยชน์​มากมายเป็นอเนกประการ​ บุคคล​ก็ไม่สามารถนับจำนวนได้ว่า มีเท่าใด​ ฉันนั้นเหมือนกัน.

ขอถวายพระพร​ เพราะคุณประโยชน์​การบวช​ มีมากมายเป็นอเนกประการจนนับไม่ถ้วน​ อีกทั้งก็มีอานุภาพเยี่ยมยอดด้วย​ กิจที่พึงทำทุกอย่าง​ ย่อมสำเร็จได้โดยพลัน​ คือ​ ง่ายดาย​แก่บรรพชิตผู้ปฏิบัติ​สัมมาปฏิบัติในส่วนที่เหลือ​ ไม่ใช่สำเร็จโดยพลัน​ คือง่ายดายแก่คฤหัสถ์ที่ไม่ได้ปฏิบัติสัมมาปฏิบัติ​ส่วนที่เหลือ.

ขอถวายพระพร​ มหาบพิตร​ เปรียบเหมือนว่า​ ลูกศรที่ปราศจากปม​ เพราะขัดเรียบดี​ ดัดตรงดี​ ไม่มี​สนิม​ เวลานายขมังธนูยิงไป ก็ย่อมพุ่งตรงไปไดัดี​ ฉันใด, ขอถวายพระพร​ กิจที่พึงทำทุกอย่างของบรรพชิตที่ปฏิบัติสัมมาปฏิบัติ​ส่วนที่เหลือได้ครบบริบูรณ์​ดี ย่อมเป็น​ไปด้วยดี​ ฉันนั้นเหมือนกัน.”

พระเจ้า​มิลินท์​ : ”ลึกซึ้ง​ดีจริง​ พระคุณ​เจ้านาคเสน​ ข้าพเจ้า​ขอยอมรับรายละเอียด​ตามที่ท่านกล่าวมานี้.”





บทความของ : สมเกียรติ พลเดชอุดมคุณ
ขอบคุณ : dhamma.serichon.us/2021/01/31/คฤหัสถ์%E2%80%8Bกับบรรพชิต%E2%80%8Bต่า/
31 มกราคม 2021 ,By admin.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ