ภิกษุฆ่าตัวเองหรือให้ผู้อื่นฆ่า : การล่วงละเมิดพุทธบัญญัติ
“พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับ ณ เรือนยอด ป่ามหาวัน ใกล้กรุงเวสาลี พระองค์ได้แสดงอสุภกถา คือ ถ้อยคำปรารภสิ่งที่ไม่สวยงาม สรรเสริญคุณแห่งอสุภะ และคุณแห่งการเจริญอสุภะคือ การพิจารณาเห็นร่างกาย โดยความเป็นของไม่สวยงาม กับทั้งคุณแห่งอสุภสมาบัติ (การเข้าฌานมีอสุภะเป็นอารมณ์) โดยปริยายเป็นอันมาก ครั้นแล้วตรัสว่า ทรงพระประสงค์จะหลีกเร้นอยู่ตามลำพังพระองค์ตลอดกึ่งเดือน ใครๆ ไม่พึงเข้าไปเฝ้าเว้น แต่ภิกษุผู้นำอาหารเข้าไปเพียงรูปเดียว
ภิกษุทั้งหลาย ปฏิบัติอสุภภาวนา (การเจริญอสุภกัมมัฏฐาน) คือพิจารณาร่างกายโดยความเป็นของไม่งาม เกิดความเบื่อหน่าย รังเกียจร่างกายของตนเหมือนชายหนุ่มหญิงสาวที่ชอบการประดับตกแต่ง อาบน้ำ ดำเกล้าแล้ว รังเกียจ ซากศพงู ซากศพสุนัข ซากศพมนุษย์ ซึ่งคล้องอยู่ที่คอฉันนั้น
เมื่อเบื่อหน่ายรังเกียจด้วยกายของตนอย่างนี้ ก็ฆ่าตัวตายบ้าง ฆ่ากันเองบ้าง เข้าไปหานายมิคลัณฑิกะคือ ผู้แต่งตัวเหมือนสมณะ จ้างให้ฆ่าตัวเองโดยให้บาตรจีวรเป็นค่าจ้าง โดยนัยนี้นายลัณกัณฑิกะ ก็รับจ้างฆ่าภิกษุทั้งหลายวันละ 1 รูปบ้าง 2 รูปบ้าง 3 รูปบ้าง 15 รูปบ้างจนถึง 60 รูปบ้าง
เมื่อครบกึ่งเดือน พระผู้มีพระภาคเจ้าได้เสด็จกลับจากการหลีกเร้น และทรงทราบเรื่องนั้น จึงเรียกประชุมสงฆ์ทรงสอนอานาปานสติ (คือการทำใจให้ตั้งมั่น โดยกำหนดลมหายใจเข้าออก) โดยปริยายต่างๆ แล้วทรงปรารภเรื่องภิกษุฆ่าตัวตาย ฆ่ากันและกัน รวมถึงจ้างให้ผู้อื่นฆ่าตน ทรงติเตียน แล้วทรงบัญญัติสิกขาบทห้ามมิให้ภิกษุฆ่ามนุษย์ หรือใช้ให้คนอื่นฆ่า) ทรงปรับอาบัติปาราชิกแก่ภิกษุผู้ล่วงละเมิด
ต่อมาได้ทรงบัญญัติเพิ่มเติมห้ามพรรณนาถึงความตาย หรือชักชวนเพื่อให้ตาย ผู้ใดล่วงละเมิดต้องอาบัติปาราชิกด้วย_________________________________________
ที่มา คือ พระไตรปิฎกฉบับประชาชน โดย อ.สุชีพ ปุญญานุภาพโดยนัยแห่งความย่อพระไตรปิฎกดังกล่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่า การฆ่าตัวตายเองหรือให้คนอื่นฆ่า ได้มีปรากฏแล้วตั้งแต่สมัยพุทธกาล
ดังนั้น การที่ภิกษุรูปหนึ่งตัดหัวตัวเอง จึงมิใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เป็นเฉกเช่นเรื่องเก่าที่เคยเกิดขึ้นแล้วในอดีต เพียงแต่มูลเหตุจูงใจในการฆ่าตัวเองต่างกันเท่านั้น กล่าวคือ ภิกษุฆ่าตัวตายตามที่ปรากฏในพระไตรปิฎก เกิดจากการเบื่อหน่ายในสังขารของตนเอง แต่ที่ฆ่าตัวตายตามที่ปรากฏตามข่าว เกิดจากการต้องการบูชาพระพุทธเจ้าด้วยหัวของตนเอง ซึ่งเป็นศรัทธามืดบอดและล่วงละเมิดสิกขาบทที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้
ส่วนว่าพระภิกษุอื่นๆ ในสำนักสงฆ์แห่งนี้จะมีความพระวินัยด้วยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าชักชวนหรือพรรณนาความตายเป็นการจูงใจให้พระภิกษุรูปดังกล่าวกระทำการเช่นนั้นด้วยหรือไม่ ถ้าไม่ก็รอดพ้นจากการล่วงละเมิดสิกขาบทที่ว่าด้วยปาราชิก แต่ถ้ามีส่วนร่วมในการจูงใจให้เกิดการกระทำเช่นนั้น ก็เข้าข่ายล่วงละเมิดในส่วนที่เป็นอนุบัญญัติด้วย
ในการฆ่าตัวตายของภิกษุรูปที่ว่านี้ จะเกิดจากศรัทธามืดบอดหรือว่าเกิดจากเหตุอื่นใด ทางสำนักพุทธะจะต้องเข้าไปสอบสวนเกี่ยวกับมูลเหตุให้แน่ชัด และรีบขจัดความเชื่อแบบผิดๆ นี้โดยเร็ว เพื่อมิให้มีใครเลียนแบบ และกระทำการในลักษณะนี้อีก
นอกจากการฆ่าตัวตายของภิกษุแล้ว วงการสงฆ์ไทยในขณะนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับพระสงฆ์อีกนานัปการ ซึ่งล้วนแล้วแต่บ่อนทำลายศรัทธาของชาวพุทธ เช่น พระเสพยาบ้า พระตั้งตัวเป็นเกจิบิดเบือนคำสอน เพื่อหวังดึงคนเข้ามาและมอมเมาด้วยความเชื่อผิดๆ เช่น สอนให้ดำน้ำทำสมาธิ เป็นต้น
ด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนคิดว่าบัดนี้ถึงเวลาแล้วที่ทางองค์กรสงฆ์จะได้ดำเนินการชำระสะสางสิ่งแปลกปลอมให้หมดไปจากวงการสงฆ์ไทยเสียทีขอบคุณ ;
https://mgronline.com/daily/detail/9640000042223เผยแพร่ : 3 พ.ค. 2564 15:22, ปรับปรุง : 3 พ.ค. 2564 15:22 โดย : สามารถ มังสัง