ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: หลวงพ่อ_ยังงั้นรึ.!! | คู่ธรรมะ : มี "ขันติ" ต้องมี "โสรัจจะ"  (อ่าน 954 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


หลวงพ่อ_ยังงั้นรึ.!! | คู่ธรรมะ : มี "ขันติ" ต้องมี "โสรัจจะ"

ที่ญี่ปุ่นมีพระดีรูปหนึ่ง เป็นพระในตำนานนิกายเซ็น ชื่อจริงท่านก็มี “ฮะกูอิน” แต่ชาวบ้านประทับใจ เรียกท่านว่า “หลวงพ่อยังงั้นรึ” เพราะไม่ว่าท่านจะประสบพบพาน เรื่องดีร้ายประการใด ท่านพูดอยู่คำเดียว “ยังงั้นรึ!”

ผมเขียนคำ “เซ็น” มีไม้ไต่คู้ตามอาจารย์ เสฐียรพงษ์ วรรณปก ท่านบอกไว้ในหนังสือ 9 พุทธ 9 เต๋า 9 เซ็น (สำนักพิมพ์มติชน พ.ศ.2558) ว่า “เซ็น” หรือ “ฉาน” เพี้ยนมาจากคำเดิมในภาษาสันสกฤตว่า ธฺยาน

ท่านให้เหตุผลว่า “ผมชอบเขียน “เซ็น” มากกว่า เพราะตรงกับคำว่า ZEN ซึ่งออกเสียงกระชับกว่า”

เซ็นเกิดขึ้นเมื่อใดไม่ทราบ ทราบแต่ว่าพระอินเดียรูปหนึ่ง ชื่อโพธิธรรม เดินทางไปประเทศจีนเมื่อสมัยพระเจ้าเหลียงบู๊ตี่ ซึ่งคนจีนเรียกว่า “ตั๊กม้อ โจวซือ” ท่านได้วางรากฐานพุทธศาสนานิกายเซ็นไว้มั่นคง

@@@@@@@

อาจารย์เสฐียรพงษ์เริ่มต้นว่า ใกล้ๆวัดหลวงพ่อฮะกูอิน มีร้านขายของชำอยู่ร้านหนึ่ง เจ้าของร้านมีลูกสาวสวยอยู่คนหนึ่ง จู่ๆพ่อแม่ของหญิงสาวก็ได้พบว่าลูกสาวตั้งท้องขึ้นโดยไม่รู้เบาะแสอะไรมาก่อน

เหตุการณ์นี้ทำให้เขาทั้งสองโกรธมาก พยายามเค้นเอาความจริง ลูกสาวก็ใจเด็ดไม่ยอมปริปากบอกว่าใครเป็นพ่อของเด็กในท้อง ในที่สุดเมื่อถูกบังคับขู่เข็ญหนักเข้า จึงยอมหลุดปากออกมาว่า พ่อของเด็กก็คือท่านอาจารย์ฮะกูอิน สองตายายวิ่งแจ้นไปด่าพระอาจารย์ด้วยความโกรธจัด ท่านอาจารย์ไม่พูดอะไร ย้อนถามคำเดียว “ยังงั้นรึ!”

เมื่อเด็กเกิดมาแล้วพ่อแม่ของหญิงสาวก็อุ้มเด็กไปให้พระอาจารย์ฮะกูอินเลี้ยง มาถึงตอนนี้ชื่อเสียงพระอาจารย์ก็เสื่อมไปหมดแล้ว แต่ท่านก็ไม่ได้แสดงท่าทีทุกข์ร้อนออกมา ทั้งยังเอาใจใส่เลี้ยงดูเด็กอย่างดี ไม่มีใครเอาอาหารมาถวาย ท่านมีเงินก็ใช้ซื้อนมและอาหารจำเป็นสำหรับเจ้าหนูน้อยจากชาวบ้าน

หนึ่งปีผ่านไป แม่ของเด็กสุดทนที่จะดูเหตุการณ์ที่หลวงพ่อฮะกูอินเลี้ยงดูลูกตัวเองต่อไปนี้ จึงสารภาพความจริงกับพ่อแม่ว่า พ่อที่แท้จริงของเด็กคนนั้น คือเจ้าหนุ่มที่ตลาดขายปลา หาใช่พระอาจารย์ฮะกูอินไม่ สองตายายได้ฟังดังนั้น จึงรีบไปหาพระอาจารย์ขอโทษขอโพยในความผิดของตัวเองยืดยาว

หลวงพ่อท่านนิ่งฟัง จนเมื่อเขาขอรับเด็กกลับไปเลี้ยงที่บ้าน ท่านอาจารย์ก็หลุดออกมาคำเดียวคำเดิม “ยังงั้นรึ!” แล้วก็ลุกขึ้นไปอุ้มเด็กมามอบให้


@@@@@@@

เรื่องในตำนานพระนิกายเซ็นจบลงตรงนี้ ใครมีวิธีคิดอะไร ยังไง ตามสไตล์เซ็น เขาเก็บกันไว้ในใจ แต่ถ้าเป็นนิกายพุทธแบบเราๆ พระท่านคงบอกว่า วัตรปฏิบัติของหลวงพ่อฮะกูอิน คือธรรมะข้อขันติ แปลว่า ความอดทน อดกลั้น

มีลักษณะ...ทนต่อความลำบากตรากตรำ ไม่แสดงอาการท้อแท้หรือยอมแพ้ ทนต่อทุกขเวทนา ไม่แสดงอาการทุรนทุราย ทนต่อความเจ็บใจ ไม่แสดงความไม่พอใจ เมื่อถูกคนอื่นกระทบแดกดัน และทนต่อกิเลส ไม่แสดงอาการอยากได้ หรือโกรธเคืองจนออกนอกหน้า

ธรรมะข้อขันติ คู่กับธรรมะข้อโสรัจจะ คือความเสงี่ยม นี่คือธรรมะคู่สำคัญ

บ้านเมืองเรายามนี้ คงมีใครหลายคน ทำท่าจะอดทนอดกลั้นกับการอยู่บ้านโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาต่อไปไม่ไหว ลองใช้ธรรมะ ข้อขันตินี่ล่ะครับ คิดถึงหลวงพ่อฮะกูอินก็ได้ ท่านทนเป็นพ่อเด็กเลี้ยงเด็กอยู่ได้ยังไงเป็นปี.





ขอบคุณที่มา :-
คอลัมน์ ชักธงรบ โดย กิเลน ประลองเชิง
https://www.thairath.co.th/news/politic/2089018
12 พ.ค. 2564 ,05:09 น.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 13, 2021, 08:29:48 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ