เมื่อครั้งที่พระมหาบุรุษยังบำเพ็ญทุกรกิริยาก่อนจะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตามพุทธประวัติกล่าวว่า ท้าวสักกเทวราชได้เสด็จลงมาดีดพิณสามสายเพื่อเตือนสติไม่ให้ทรมานตนจนเกินไป ทำให้พระสิทธัตถะทรงได้พระสติรำลึกขึ้นว่า มัชฌิมาปฏิปทาน่าจะเป็นทางที่จะทำให้ตรัสรู้ได้มากกว่าการทรมานตนเอง (ขอบคุณภาพจาก
https://th.wikipedia.org/)
วัตรบท ๗ ประการ ของ "ท้าวสักกะ"พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ในกูฎาคารศาลา ทรงปรารภท้าวสักกเทวราช ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ ๓๐ นี้
ครั้งหนึ่งเจ้าลิจฉวีพระนามว่า "มหาลิ" ได้เสด็จมาฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดา พระศาสดาได้ทรงแสดง "สักกปัณหสูตร" โดยที่พระศาสดาทรงกล่าวถึงท้าวสักกะอย่างกระจ่างชัดมาก ดังนั้นเจ้ามหาลิจึงดำริว่า พระศาสดาจะต้องเคยพบกับท้าวสักกะด้วยพระองค์เองมาแน่ๆ แต่เพื่อให้เกิดความมั่นใจเจ้ามหาลิจึงได้ทูลถามเรื่องนี้กับพระศาสดา ซึ่งพระศาสดาได้ตรัสตอบว่า "มหาลิ อาตมภาพรู้จักท้าวสักกะ อาตมภาพยังรู้ด้วยว่า ธรรมะอะไรทำให้ท้าวเธอเป็นท้าวสักกะ"
จากนั้นพระศาสดาได้ทรงเล่าว่า ท้าวสักกะผู้เป็นจอมแห่งเทพทั้งหลายนี้ในอดีตชาติเมื่อครั้งเป็นมนุษย์มีชื่อว่า "มฆมาณพ" อยู่ในหมู่บ้านชื่ออจาละในแคว้นมคธ มฆมาณพนี้กับสหายอีก ๓๒ คนได้ช่วยกันก่อสร้างถนนหนทาง และที่พักริมทาง 
สำหรับตัวมฆมาณพเองนั้นได้ปฏิบัติวัตรบท ๗ ประการ ตลอดชีวิต คือ
๑. เลี้ยงดูบิดามารดา
๒. ให้ความเคารพผู้ใหญ่ในตระกูล
๓. พูดคำสุภาพอ่อนหวาน
๔. ไม่พูดส่อเสียด
๕. ชอบเผื่อแผ่แบ่งปัน ไม่ตระหนี่
๖. มีวาจาสัตย์ และ
๗. ไม่โกรธ ระงับความโกรธได้
เพราะกระทำคุณงามความดี และปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเหล่านี้ในชาตินั้น ทำให้มฆมาณพได้ไปเกิดเป็นท้าวสักกะ เจ้าแห่งเทวดาทั้งหลาย
@@@@@@@
จากนั้นพระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ ๓๐ ว่า
อปฺปมาเทน มฆวา
เทวานํ เสฏฺฐตํ คโต
อปฺปมาทํ ปสํสนฺติ
อปฺปมาทํ ครหิโต สทาฯ
(แปล)ท้าวมัฆวานถึงความเป็นใหญ่แห่งหมู่เทพ
เพราะความไม่ประมาท(ในการทำความดี)
บัณฑิตจึงสรรเสริญความไม่ประมาท
และติเตียนความประมาททุกเมื่อ.
เมื่อจบพระสัทธรรมเทศนา เจ้าลิจฉวีนามว่ามหาลิได้บรรลุพระโสดาปัตติผล ส่วนบริษัทที่มาประชุมกันเป็นอันมาก ก็ได้บรรลุพระอริยผลทั้งหลาย มีพระโสดาบัน เป็นต้น.ขอบคุณที่มา :
https://sites.google.com/site/danvivekkabin/conduct