พิมพ์

[raponsan]

‘ควอนตัมคอมพิวเตอร์’ เทคโนโลยีพลิกโลก | ที่ว่ากันว่า อาจจะมาทำลาย ‘คริปโต’ ให้ไร้ค่า

>Summary<

    >> ‘ควอนตัมคอมพิวเตอร์’ ถูกพูดถึงมากไม่แพ้คริปโตเคอร์เรนซี เนื่องจากเชื่อกันว่าหากนำมาใช้งานจริงอย่างสมบูรณ์ในอนาคต (อีกไม่ต่ำกว่าสิบปีข้างหน้า) เทคโนโลยีนี้จะช่วยคำนวณ ถอดรหัสทางคณิตศาสตร์ที่จะช่วยบ่งชี้ หรืออธิบายข้อมูลซึ่งสามารถนำไปใช้งานในหลากหลายด้าน

    >> แวดวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีคาดการณ์กันว่า หาก ‘ควอนตัมคอมพิวเตอร์’ (ที่มีพลังประมวลผลขั้นสูงมากจนสามารถถอดรหัสชุดข้อมูลที่เข้ารหัสแบบซับซ้อนได้) ถูกพัฒนาจนสมบูรณ์ในอนาคต มันจะสามารถโจมตีคริปโตเคอร์เรนซีที่เข้ารหัสภายใต้ระบบ ‘บล็อกเชน’ ได้

    >> ถ้าถึงวันที่ควอนตัมคอมพิวเตอร์เจาะ หรือแกะการเข้ารหัสของคริปโตเคอร์เรนซีได้จริง ค่าของคริปโตเคอร์เรนซีก็จะลดน้อยลงไปมาก แต่อีกด้านหนึ่งก็มีการคาดการณ์กันว่า ฝั่งคริปโตเคอร์เรนซีก็ไม่หยุดนิ่ง จะมีการพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันตัวเองเช่นกัน จึงอาจจะไม่ถูกโจมตีง่ายขนาดนั้น


ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีซึ่งถูกพูดถึงมากที่สุดอันดับต้นๆ หนีไม่พ้นสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง ‘คริปโตเคอร์เรนซี’ (Cryptocurrency) ขณะที่แวดวงคริปโตฯ กำลังถูกจับตา ผู้คนในสายวิทยาศาสตร์อีกกลุ่มเริ่มกลับมาพูดถึงหัวข้อที่น่าสนใจอีกครั้งว่าด้วยเทคโนโลยี ‘ควอนตัมคอมพิวเตอร์’ (Quantum Computer)

ควอนตัมคอมพิวเตอร์ ถูกพูดถึงมากไม่แพ้คริปโตฯ เนื่องจากเชื่อกันว่าหากนำมาใช้งานจริงอย่างสมบูรณ์ในอนาคต (อีกไม่ต่ำกว่าสิบปีข้างหน้า) เทคโนโลยีนี้จะช่วยคำนวณ ถอดรหัสทางคณิตศาสตร์ที่จะช่วยบ่งชี้ หรืออธิบายข้อมูลซึ่งสามารถนำไปใช้งานในหลากหลายด้าน

การคำนวณด้วยควอนตัมคอมพิวเตอร์สามารถนำมาใช้พัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ บ่งชี้ข้อมูลปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่จะเป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ค้นหาโมเลกุลที่ช่วยรักษาโรคทางพันธุกรรม หรือออกแบบยารักษาโรค ไปจนถึงถอดรหัสทางคณิตศาสตร์เพื่อศึกษาการทำงานของสิ่งต่างๆ ที่ซับซ้อน และคำนวณความน่าจะเป็นเพื่อออกแบบกลยุทธ์ทางธุรกิจ

ตัวอย่างหนึ่งคือ มนุษย์สามารถผลิตแบตเตอรี่ได้นานแล้ว แต่การศึกษาสิ่งที่เกิดขึ้น ‘ภายใน’ แบตเตอรี่ยังไม่ถึงขั้นปรุโปร่ง โดยนักวิทยาศาสตร์ยังต้องการศึกษาและจำลองแบบการทำงานของแบตเตอรี่ในระดับโมเลกุล เพื่อนำมาออกแบบแบตเตอรี่ที่สามารถให้พลังงานขับเคลื่อนรถยนต์ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันยังไม่สามารถทำได้ (ในอัตราที่รวดเร็วพอจะนำมาใช้งานได้จริง)

การประมวลผลของคอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิม ข้อมูลถูกเรียกว่าเป็น ‘บิต’ (bit) มีค่าเป็น 0 หรือ 1 อย่างใดอย่างหนึ่งในเวลาเดียวกัน แต่ในระบบควอนตัม ข้อมูลถูกเรียกว่า ‘คิวบิต’ (qubit) ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้ง 0 และ 1 ในเวลาเดียวกัน แนวคิดนี้ในทางวิทยาศาสตร์อธิบายว่าเป็นภาวะที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งสามารถไปอยู่ในหลายตำแหน่งได้ในเวลาเดียวกัน เมื่อเชื่อมต่อคิวบิตเข้าด้วยกัน ทำให้พลังในการคำนวณของควอนตัมคอมพิวเตอร์เพิ่มทวีคูณไปเรื่อยๆ

@@@@@@@

ด้วยพลังในการคำนวณและประมวลผลของควอนตัมคอมพิวเตอร์ ในด้านหนึ่ง เทคโนโลยีนี้จะนำมาใช้ประโยชน์ได้มาก จึงถูกคาดหวังไว้ว่าจะเปิดประตูไปสู่เส้นทางที่ไม่ยังเคยก้าวไปถึงมาก่อนในอนาคตอันใกล้ เมื่อควอนตัมคอมพิวเตอร์ สามารถนำมาใช้งานได้จริง

แต่อีกด้านหนึ่งก็มีข้อสังเกตว่า พลังการประมวลผลและถอดรหัสของมันจะกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานของระบบการเข้ารหัสจัดเก็บข้อมูลด้วยหรือไม่

การจัดเก็บข้อมูลแบบดั้งเดิมที่มักจัดเก็บข้อมูลแบบรวมศูนย์ (เช่นในกรณีของธนาคาร) อาจไม่สามารถป้องกันการถอดรหัสจากเทคโนโลยีนี้ได้ หรือแม้แต่กรณีสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างคริปโตฯ ที่มีหัวใจสำคัญอย่างหนึ่งคือเทคโนโลยีเข้ารหัสภายใต้ระบบ ‘บล็อกเชน’ (Blockchain) ก็มีข้อสังเกตว่า สามารถถูกเจ้าควอนตัมคอมพิวเตอร์ ถอดรหัสเจาะไปได้หรือไม่

จุดเด่นหนึ่งของสินทรัพย์ดิจิทัลที่เรียกกันว่า ‘คริปโต’ คือการเข้ารหัสภายใต้พื้นฐานของเทคโนโลยีที่เรียกว่า ‘บล็อกเชน’ เป็นการจัดเก็บข้อมูลแบบไม่มีศูนย์กลาง ข้อมูลถูกจัดเก็บกระจายกันไปในแต่ละเครื่องที่อยู่ในเครือข่ายของระบบ ทุกคนในระบบเห็นการเปลี่ยนแปลงของข้อมูล

ข้อมูลที่กระจายส่วนไปถูกร้อยเชื่อมต่อกันเหมือนกับ ‘ห่วงโซ่’ (chain) เมื่อจะแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูล จะต้องเพิ่มบันทึกข้อมูลอีกส่วนพ่วงเข้าไปในคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในระบบ ดังนั้น การจะแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลสำคัญที่ถูกเข้ารหัส (เช่น โอนสินทรัพย์จากแหล่งใดแหล่งหนึ่งมาเข้าบัญชีส่วนตัว) โดยให้หลุดรอดจากการถูกตรวจสอบจึงเป็นไปได้ยากมาก ทำให้คนมองว่าสินทรัพย์ดิจิทัลปลอดภัย

@@@@@@@

อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีที่ทำงานอยู่ภายใต้พื้นฐานของบล็อกเชน ซึ่งเชื่อกันว่าปลอดภัย กำลังถูกตั้งคำถามว่า หาก ‘ควอนตัมคอมพิวเตอร์’ (ที่มีพลังประมวลผลจนสามารถถอดรหัสชุดข้อมูลที่เข้ารหัสแบบซับซ้อนได้ ซึ่งคอมพิวเตอร์ดั้งเดิมไม่สามารถทำได้) ถูกพัฒนาจนสมบูรณ์ในอนาคต มันจะส่งผลกระทบต่อการเข้ารหัสที่จัดว่าเป็นโครงสร้างพื้นฐานของระบบสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง ‘คริปโต’ หรือไม่

ในวงการวิทยาศาสตร์และวงการคริปโตฯ มีความคิดเห็นแตกต่างหลากหลายกันออกไป แน่นอนว่า ด้วยสถานะในปัจจุบัน หลายอย่างยังคงเป็นข้อมูลในทางทฤษฎี ในระยะแรก การพัฒนาควอนตัมคอมพิวเตอร์ต้องใช้ต้นทุนมหาศาล แต่เมื่อมันถูกพัฒนาจนคนทั่วไปหรือแฮกเกอร์เข้าถึงได้ (อาจเป็นในอีกไม่ต่ำกว่า 10 ปีข้างหน้า ไม่ใช่อนาคตอันใกล้ในระยะสั้น) เวลานั้นหากรูปแบบการเข้ารหัสไม่ถูกปรับให้ทันท่วงที บางคนเชื่อว่ามีโอกาสที่สินทรัพย์ดิจิทัลจะถูกเจาะได้

ถ้าถึงวันที่ควอนตัมคอมพิวเตอร์เจาะ หรือแกะการเข้ารหัสของคริปโตเคอร์เรนซีได้จริง ค่าของคริปโตเคอร์เรนซีก็จะลดน้อยลงไปมาก

อย่างไรก็ตาม คาดกันว่า ฝั่งคริปโตเคอร์เรนซีก็ไม่หยุดนิ่ง จะมีการพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันตัวเองเช่นกัน จึงอาจจะไม่ถูกโจมตีง่ายขนาดนั้น

@@@@@@@

ในสหรัฐอเมริกา มีหน่วยงานในสถาบันด้านมาตรฐานและเทคโนโลยี (National Institute for Standards and Technology - NIST) เริ่มวางแนวทางรับมือยุคที่เทคโนโลยีควอนตัมเกิดขึ้นจริง และกำลังร่างเกณฑ์มาตรฐานสำหรับการเข้ารหัสเมื่อเทคโนโลยีควอนตัมสามารถเข้าถึงกันได้ในวงกว้างแล้ว

เวลานี้อาจไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าควอนตัมคอมพิวเตอร์จะแพร่กระจายไปสู่วงกว้าง และเข้าถึงได้ง่ายในอนาคตหรือไม่ เช่นเดียวกับการหาคำตอบว่า ควอนตัมคอมพิวเตอร์จะเกิดขึ้นจริงในอีกกี่ปีข้างหน้า แต่หากเกิดขึ้นจริง ตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญแล้ว ไม่ว่ามันจะถอดรหัสได้หรือไม่ได้ ควรมีแนวทางปฏิบัติไว้เป็นอย่างน้อย เพราะมีตัวอย่างว่า หากนับย้อนกลับไปแล้ว มนุษย์ใช้เวลาเกือบ 20 ปีกว่าจะวางโครงสร้างการเข้ารหัสแบบที่ใช้กันในปัจจุบัน 





อ้างอิง : IBM, BBC, forbes1, forbes2, facebook.com/jirawat.tangpanitanon
Thank to : https://plus.thairath.co.th/topic/futurism/100821
Thairath Plus ›Futurism , 14 ธ.ค. 64 ,โดย กองบรรณาธิการ