ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: วัดหมื่นไวย...ไหว้เสริมมงคล ปริศนาโบสถ์กลางน้ำ 300 ปี  (อ่าน 1020 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




วัดหมื่นไวย...ไหว้เสริมมงคล ปริศนาโบสถ์กลางน้ำ 300 ปี

บทสวดบูชา “พระปางป่าเลไลยก์”

ตั้งนะโม 3 จบ กินนุ สันตะระมาโน วะ ราหุ จันทัง ปะมุญจะสิ สังวิคคะรูโปอาคัมมะ กินนุ ภีโต วะ ติฎฐะสีติ สัตตะธา เม ผะเล มุทธา ชีวันโต นะ สุขัง ละเภ พุทธะคาถาภิคีโตมหิ โน เจ มุญเจยยะ จันทิมันติ

กินนุ สันตะระมาโน วะ ราหุ สุริยัง ปะมุญจะสิ สังวิคคะรูโป อาคัมมะ กินนุ ภีโต วะ ติฎฐะสีติ สัตตะธา เม ผะเล มุทธา ชีวันโต นะสุขัง ละเภ พุทธะคาถาภิคีโตมหิ โน เจ มุญเจยยะ สุริยันติฯ

สวดย่อ คะ พุท ปัน ทู ธัม วะ คะ



“พระปางป่าเลไลยก์” ข้างต้นนี้ตั้งประดิษฐานไว้ใจกลางโบสถ์ “วัดหมื่นไวย” ...ห่างจากตัวเมืองจังหวัดนครราชสีมาออกไปประมาณ 2 กิโลเมตร มุ่งหน้าตรงไปทางถนนมิตรภาพ...หนองคาย แล้วขับรถตรงไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร จากนั้นจะไปสี่แยกพีกาซัสให้เลี้ยวซ้ายลงไปแล้วขับตรงไป

ขับรถตรงไปอีกประมาณ 400 เมตร ก็จะพบวัดหมื่นไวย ซ้ายมือมีป้ายบอกเห็นชัดเจนบรรยากาศวัดช่วงนี้ มี “งานบุญ” ของชาวบ้านที่กำลังจัดขึ้นภายในวัด ทำให้มีเสียงดังเล็กน้อย ส่วนบรรยากาศอุโบสถกลางน้ำ ร่มรื่น สามารถทำบุญให้อาหารปลา รวมไปถึงกิจกรรมที่ได้ทำ คือกวาดขยะ เช็ดกระจก ไหว้พระ ทำบุญ



“วัดหมื่นไวย”...ถือได้ว่าเป็นวัดเก่าแก่ในจังหวัดโคราช แนะนำให้มากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะพระประธานปางป่าเลไลยก์ปูนปั้นลงรักปิดทอง ส่วนอิฐที่ใช้ก่อสร้างฐานที่เป็นฐานโค้งสำเภาเรือ และผนังโบสถ์ เป็นอิฐก้อนใหญ่ แบบเดียวกับอิฐที่ใช้ก่อสร้างกำแพงเมืองเก่าโคราช

มีคำกล่าว...อธิษฐานให้เราได้กราบไหว้ แล้วนำดอกไม้ไปแขวนไว้ตรงราวเหล็ก และหากใครชอบเรื่องเซียมซีก็สามารถหยิบมาเสี่ยงทายดูได้ เมื่อเรากราบไหว้อธิษฐานขอพรเรียบร้อยแล้ว แนะนำให้เดินเข้ามาด้านในอีกจะมีป้ายบอกแนะนำ ซึ่ง มีพระธาตุประจำวันเกิดปีจอ คือ พระเกศแก้วจุฬามณี

ที่ตั้งอยู่ทาง ด้านหลังของพระปางป่าเลไลยก์ สามารถไปกราบไหว้สักการะได้ เชื่อศรัทธากันเป็นอย่างยิ่งว่าโดยเฉพาะ ผู้ที่เกิดในปีจอ แนะนำให้มากราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต



“โบสถ์กลางน้ำ” วัดหมื่นไวย ต.หมื่นไวย อ.เมือง จ.นครราชสีมา 4 เสา 9 ประตู 8 หน้าต่าง ปริศนาธรรมของการวางผังก่อสร้าง ที่ซ่อนไว้นานถึง 300 กว่าปี...สมัยพระนารายณ์มหาราช ซึ่งวัดนี้เป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมให้กับคนหมื่นไวยได้ร่วมกันอนุรักษ์ หวงแหน เพื่อสืบสาน ร่องประวัติศาสตร์

พลิกปูมประวัติ...วัดหมื่นไวย เป็นวัดโบราณ สร้างในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ประมาณปี พ.ศ.2253 โดยบริเวณที่ตั้งวัดในสมัยนั้นเป็นที่พักตั้งด่าน โดยมีเรื่องเล่าว่า สมัยนั้นเป็นที่พักตั้งด่านของขุนหมื่นไวย ต่อมาได้มี พระเพชร ต้นตระกูล “ศรีหมื่นไวย” ได้เป็นผู้ริเริ่มก่อสร้างพร้อมด้วยชาวบ้าน

โดยสร้างพระอุโบสถ 1 หลัง ต่อมาได้ชำรุดทรุดโทรมลง พระสิริธรรมโสภณ และนายทอง ศรีหมื่นไวย ได้ก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่แทนหลังเก่าที่ชำรุดทรุดโทรม



ต่อมาปี พ.ศ.2535 ชาวบ้านหมื่นไวย และชาวบ้านหนองนาลุ่มได้ช่วยกันสร้างเมรุ 1 หลัง เมื่อสร้างวัดเสร็จแล้วก็สร้างเสนาสนะสำหรับพระสงฆ์ได้อาศัยทำกิจวัตรและบำเพ็ญสมณธรรม เมื่อที่อยู่อาศัยทรุดโทรม ชาวบ้านก็ได้ช่วยกันบูรณปฏิสังขรณ์ ทำนุบำรุงให้พระสงฆ์ได้มีที่พักอาศัยตลอดมา

สำหรับประวัติอุโบสถหลังเก่า ท่านผู้เฒ่าได้เล่าให้ฟังว่า ขรัวพ่อเจ้าวัดบึง (หลวงพ่อเพชร) ซึ่งเป็นตระกูลศรีหมื่นไวย ในขณะที่ท่านอุปสมบทอยู่ ท่านได้สร้างอุโบสถที่วัดบึง 1 หลัง พอทำโบสถ์ที่วัดบึงเสร็จแล้ว ท่านจึงได้มาสร้างโบสถ์ที่วัดหมื่นไวย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของท่าน

ลักษณะโบสถ์ของวัดหมื่นไวยเป็นโบสถ์ที่มีเสาสี่เสา เก้าประตู แปดหน้าต่าง มีน้ำล้อมรอบโบสถ์...สร้างเสร็จแล้วก็ได้ให้พระสงฆ์ทำสังฆกรรม และต่อมาโบสถ์ได้ชำรุดทรุดโทรมลงไปตามกาลเวลา ภายในมีอุโบสถเก่าก่อด้วยอิฐถือปูนรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 8 เมตร × 12 เมตร ตั้งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก



ขนาด 3 ห้อง เจาะช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ข้างละ 2 ช่อง ด้านหน้าและหลังก่อเป็นมุขลดชั้นยื่นออกมาทั้ง 2 ด้าน มุขด้านหน้า ด้านทิศตะวันออกก่อผนังทึบเจาะช่องประตูทางเข้า 2 ช่อง ผนังกั้นระหว่างมุขหน้ากับห้องโถงกลางเจาะเป็นช่องประตูทางเข้า 3 ช่อง ที่ผนังกั้นโถงกลางเจาะเป็นช่องประตูเข้าสู่ห้องโถงกลาง ตรงกลางทำเป็นซุ้มปราสาทประดิษฐานเจดีย์ขนาดเล็ก (พระธาตุจุฬามณี) ไว้ภายใน

ภายในห้องโถงกลางที่ผนังกั้นมุขตะวันตกก่อเป็นแท่นชุกชีประดิษฐานพระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ ปูนปั้นลงรักปิดทอง หน้าบันมุขทั้ง2 ด้าน สลักเป็นลายเครือเถา

“พระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์”...ปูนปั้นลงรักปิดทอง ประดิษฐานในอุโบสถกลางน้ำวัดหมื่นไวย ฐานอุโบสถ ก่อเป็นแนวโค้งที่เรียกตามเชิงช่างว่า “หย่อนท้องช้าง” หรือ “หย่อนท้องสำเภา” ซุ้มหน้าต่างและซุ้มประตูเป็นซุ้มรูปสามเหลี่ยม ลักษณะคล้ายคลึงกับสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาตอนปลาย

จึงอาจสันนิษฐานไว้ว่า อุโบสถหลังนี้คงสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย ราวพุทธศตวรรษที่ 23 และได้รับการบูรณะสืบเนื่องกันมา หน้าต่างอุโบสถทำจากไม้ เคาะดูเสียงดังกังวานคล้ายหิน



สำหรับความเป็นมาของ “พระเกศแก้วจุฬามณี” เล่าขานถึงความเป็นเจดีย์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ที่บรรจุพระจุฬาพระโมลีและพระเขี้ยวแก้วพระโคตมพุทธเจ้า...ในคัมภีร์สุมังคลวิลาสินีระบุไว้ว่า ระหว่างที่โทณพราหมณ์แบ่งพระบรมสารีริกธาตุถวายแก่เจ้าจากแคว้นต่างๆ ได้ลัก “พระเขี้ยวแก้ว” เบื้องขวาซ่อนไว้ในผ้าโพกศีรษะของตน ท้าวสักกะทรงพระดำริว่าพระเขี้ยวแก้วเบื้องขวานั้นเป็นปัจจัยแห่งการตรัสสอนอริยสัจ 4

เพื่อตัดความสงสัยของบรรดาสัตว์โลก ไม่คู่ควรที่พราหมณ์จะทำสักการะได้ จึงทรงถือเอาจากผ้าโพก บรรจุไว้ในผอบทองคำ

นำไปประดิษฐาน ณ พระจุฬามณีเจดีย์ด้วน ...เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนที่เกิด “ปีจอ” ตามคติความเชื่อของ “ชาวไทยวน” จึงเป็นที่มาของการสักการะ กราบไหว้ เพื่อความเป็นสิริมงคล

“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้... “ลบหลู่”.





Thank to : https://www.thairath.co.th/lifestyle/culture/2326037
บทความของ : รัก-ยม , 27 ก.พ. 2565 ,06:50 น.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ