ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ที่มาเขต “บางซื่อ” กับ ตำนานเรื่องเล่า พระเจ้าอู่ทองเอาทองมาซ่อนในย่านคนซื่อ  (อ่าน 843 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

สถานีกลางบางซื่อ หรือสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ตั้งอยู่ที่เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ (ภาพจาก แฟ้มภาพมติชน)


ที่มาเขต “บางซื่อ” กับ ตำนานเรื่องเล่า พระเจ้าอู่ทองเอาทองมาซ่อนในย่านคนซื่อ

เขต “บางซื่อ” เป็นเขตหนึ่งของกรุงเทพฯ ทิศเหนือติดจังหวัดนนทบุรี ทิศตะวันติดเขตจตุจักร ทิศใต้ติดเขตดุสิต ทิศตะวันตกติดเขตบางพลัดและบางกรวย

คำว่า “บาง” หมายถึงทางน้ำเล็ก ๆ ในภาษามอญโบราณหมายถึง “ปาก” ส่วนคำว่า “ซื่อ” หมายถึง “ตรง” สันนิษฐานว่า “บางซื่อ” อาจหมายถึงแนวคลองที่ผ่านย่านนี้ ซึ่งมีลักษณะค่อนข้างตรง

อย่างไรก็ตาม มีตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวข้องกับย่านบางซื่อว่า เมื่อครั้งพระเจ้าอู่ทองทรงหนีโรคห่าลงมา ทรงให้นำทองที่บรรทุกมาไปซ่อนที่บริเวณ “บางซ่อน” ต่อมามีผู้มาสอบถามคนกลุ่มหนึ่ง คนกลุ่มนั้นได้บอกที่ซ่อนทอง คนทั้งหลายจึงเห็นว่า คนเหล่านี้มีความซื่อสัตย์ จึงเรียกพื้นที่บริเวณนี้ว่า “บางซื่อ”

แม้จะเป็นเพียงข้อสันนิษฐาน แต่คำว่า “บางซื่อ” ก็ปรากฏชื่อมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยปรากฏใน “นิราศพระบาท” ของสุนทรภู่ ซึ่งแต่งขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 ความว่า “…ถึงบางซื่อชื่อบางนี้สุจริต เหมือนซื่อจิตที่พี่ตรงจำนงสมร มิตรจิตขอให้มิตรใจจร ใจสมรขอให้ซื่อเหมือนชื่อบาง…”

โดยเมื่อ พ.ศ. 2448 บางซื่อเป็นอำเภอชั้นนอก ขึ้นกระทรวงนครบาล ต่อมา พ.ศ. 2481 ยุบอำเภอบางซื่อ แล้วโอนตำบลสามเสนใน ตำบลถนนนครไชยศรี ไปขึ้นอำเภอดุสิต และโอนตำบลสามเสนนอกไปขึ้นอำเภอบางกะปิ จวบจนถึง พ.ศ. 2532 ได้แบ่งพื้นเขตดุสิต ตั้งเป็นเขตบางซื่อ

@@@@@@@

ปัจจุบันเขตบางซื่อมี 2 แขวง คือ แขวงบางซื่อ และแขวงวงศ์สว่าง

สำหรับบริเวณแขวงบางซื่อมีย่านหนึ่งชื่อว่า “บางโพ” ปรากฏความในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 เมื่อ “องเชียงสือ” หรือจักรพรรดิซา ล็อง แห่งเวียดนาม ได้หนีออกไปจากกรุงเทพฯ ประจวบกับครั้งนั้น องโหเดืองดึ๊ก และองทงยุงยาน สองพี่น้องได้พาครอบครัวมาทางเมืองลาวเพื่อตามหาองเชียงสือ

ดังนั้น รัชกาลที่ 1 ทรงมีพระราชดำริว่า องเชียงสือนั้นให้ไปอาศัยอยู่ตอนล่างใกล้ทะเล จึงหนีไปได้โดยสะดวก ส่วนญวนพวกนี้ควรให้ไปอยู่เสียตอนบน (หมายถึงทางตอนเหนือของพระนคร) ถึงคิดหนีออกไปก็จะลำบากและไม่สะดวก จึงโปรดเกล้าฯ ให้ญวนทั้งสองนำครอบครัวไปอาศัยอยู่ที่บางโพ ซึ่งในบริเวณแถบบางโพยังคงหลงเหลือวัดทางฝ่ายอนัมนิกายคือ “วัดอนัมนิกายาราม”

ใน “นิราศภูเขาทอง” ของสุนทรภู่ เมื่อท่านได้ล่องเรือมาที่บางโพ ได้กล่าวว่าญวนบางโพมีอาชีพขายกุ้งขายปลา ความว่า

   “…ถึงบางโพธิ์โอ้พระศรีมหาโพธิ์  ร่มนิโรธรุกขมูลให้ภูลผล
    ขอเดชะอานุภาพพระทศพล  ให้ผ่องพ้นไภยพาลสำราญกาย
    ถึงบ้านญวนล้วนแต่โรงแลสพรั่ง  มีของขังกุ้งปลาไว้ค้าขาย
    ตรงน่าโรงโพงพางเขาวางราย  พวกหญิงชายพร้อมเพรียงมาเมียงมอง…”


สำหรับแขวงวงศ์สว่างนั้น คำว่า “วงศ์สว่าง” เป็นชื่อถนนที่ตัดผ่านย่านนี้ สันนิษฐานว่าได้ชื่อมาจากนามสกุลของนายช่างที่ทำการตัดถนนดังกล่าว

นับได้ว่า “บางซื่อ” เป็นอีกย่านหนึ่งของกรุงเทพฯ ที่มีความเก่าแก่ไม่น้อยกว่า 200 ปี






ขอขอบคุณ :-
ผู้เขียน : หนุ่มบางโพ
เผยแพร่ : วันพฤหัสที่ 5 มกราคม พ.ศ.2566
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก : เมื่อ 4 มกราคม 2566
website : https://www.silpa-mag.com/history/article_98962
อ้างอิง : สุจิตต์ วงษ์เทศ, บรรณาธิการ. “กรุงเทพฯ กรุงธนฯ มีภูมิสถาน ชื่อบ้านนามเมือง”. (ดรีม แคทเชอร์, 2556)
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ