ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “แมงสี่หูห้าตา” ตำนานสัตว์ประหลาดภาคเหนือ อึเป็นทองคำ  (อ่าน 929 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




“แมงสี่หูห้าตา” ตำนานสัตว์ประหลาดภาคเหนือ อึเป็นทองคำ


อ่านเป็นภาษาล้านนาว่า “แมงสี่หูห้าต๋า”



แมงสี่หูห้าตา เป็นนิทานพื้นบ้านล้านนา เล่าขานสืบทอดกันมายาวนาน เป็นวรรณกรรมจากคัมภีร์ใบลานของล้านนา และจากนิทานมุขปาฐะที่ชาวบ้านเล่าสืบต่อกันมา ได้ทั้งสาระจากคติธรรมคำสอนหรือข้อคิดที่โบราณาจารย์ได้สอดแทรกไว้

นิทานเรื่อง “แมงสี่หูห้าตา” เป็นนิทานเรื่องหนึ่งที่แพร่หลาย รู้จักกันดี

คำว่า “แมง” นอกจากจะใช้เป็นคำนำหน้าสัตว์เล็กๆ แล้ว ยังใช้เป็นคำนำหน้าสัตว์ใหญ่ๆ ในเชิงตลกขบขันได้อีกด้วย “แมงสี่หูห้าตา” เป็นสัตว์ใหญ่คล้ายหมี มี 4 หู มี 5 ตา เป็นสัตว์ในจินตนาการของคนล้านนา

ตัวอย่างของเรื่องนี้ ได้เนื้อความจากคัมภีร์ใบลานชื่อ “ธัมม์สี่หูห้าตา” ของวัดแช่ช้าง ตำบลแช่ช้าง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจารด้วยอักษรธรรมล้านนา จำนวน 1 ผูก มีทั้งหมด 61 หน้าลาน ผู้จารคือ “พิมมสารภิกขุ” เมื่อ พ.ศ.2457 ความในคัมภีร์ดังกล่าว กล่าวถึงเรื่องแมงสี่หูห้าตาโดยสังเขปดังนี้


@@@@@@@

ที่เมือง “พันธุมติ” เจ้าผู้ครองเมืองชื่อ “ท้าวพันธุมติ” ซึ่งมีมเหสีอยู่ 7 องค์ ทิศเหนือของเมืองนี้มีสามี-ภรรยาครอบครัวหนึ่งฐานะยากจนมีบุตรชายคนเดียว เมื่อบุตรมีอายุ 7 ขวบ มารดาสิ้นชีวิตลง ต่อมาเมื่ออายุ 11 ขวบบิดาก็สิ้นชีวิต

ก่อนสิ้นใจบิดาได้สั่งเสียว่า ให้เอาศพฝังไว้ใกล้ๆ กระท่อม นานเข้าศีรษะของบิดาก็จะหลุดให้นำเอาศีรษะไปสักการบูชาทุกค่ำเช้า ถ้าอายุครบ 16 ปี ให้ผูกศีรษะนั้นลากไปสู่นครพันธุมติ ซึ่งมีภูเขาอยู่ หากศีรษะไปติดข้องที่ใดให้ทำแร้วเป็นกับดักสัตว์ที่นั้น

เมื่อชายหนุ่มปฏิบัติตามคำสั่งของบิดา เมื่ออายุ 16 ไปดักแร้วตามบิดาสั่ง ปรากฏว่ามีสัตว์ใหญ่ติดอยู่ สัตว์นั้นรูปร่างคล้ายหมีมีหูสี่หู มีดวงตาห้าดวง เขาจึงตัดเอาเถาวัลย์ผูกสัตว์นั้นแล้วนำกลับมาซ่อนไว้ที่บ้าน หาอะไรให้กินมันก็ไม่ยอมกิน เอาแต่นอนหลับ

ตกกลางคืนในท่ามกลางความหนาวเย็น ในบ้านก่อไฟผิง บังเอิญสะเก็ดถ่านไฟกระเด็นออกนอกกองไฟ แมงสี่หูห้าตาก็กินถ่านไฟเป็นอาหาร เมื่อเขาเห็นดังนั้นจึงหาฟืนมาเผาแล้วเอาถ่านไฟให้กิน รุ่งเช้าแมงสี่หูห้าตาถ่ายมูลออกมาเป็นทองคำ จนเขาสะสมทองคำได้จำนวนมาก

กล่าวถึงท้าวพันธุมติผู้ครองนครมีธิดาอายุ 16 ชื่อ “สิมมา” เป็นที่หมายปองของบรรดากษัตริย์หัวเมืองต่างๆ ท้าวพันธุมติรู้สึกลำบากใจ จึงหาทางออกโดยกำหนดเงื่อนไขไว้ว่าหากเจ้าเมืองใดสามารถสร้างรางลินทองคำตั้งแต่เมืองของตนมาจนถึงวังของธิดาได้ก็จะยกธิดาให้เจ้าเมืองนั้น ซึ่งไม่มีใครทำได้

@@@@@@@

ฝ่ายชายกำพร้ารู้ข่าวจึงได้ว่าจ้างให้คนไปสร้างรางลินทองคำตั้งแต่บ้านตนไปถึงวัง จนสำเร็จภายในคืนเดียว รุ่งเช้า ท้าวพันธุมติเห็นลินคำเป็นอัศจรรย์ ก็ให้เสนาอำมาตย์ติดตามไปดู เมื่อพบว่าเจ้าของเป็นใครจึงจัดขบวนแห่ไปรับเอาชายกำพร้าไปเป็นราชบุตรเขย

เมื่ออภิเษกให้เป็นคู่ครองราชธิดาแล้ว จึงไต่ถามว่าได้ทองคำมาอย่างไร เขาจึงเล่าเรื่องแมงสี่หูห้าตาให้ฟัง ท้าวพันธุมติอยากเห็น จึงให้ราชบุตรเขยไปนำแมงสี่หูห้าตาเข้าวังมา ขณะจูงมานั้น ชาวเมืองต่างมามุงดูเป็นจำนวนมากทำให้แมงสี่หูห้าตาตื่นตกใจวิ่งหนีขึ้นเขาไป

ท้าวพันธุมติเห็นดังนั้นจึงวิ่งไล่ตามจับ แมงสี่หูห้าตาวิ่งเข้าไปในถ้ำเดิมที่เคยอยู่อาศัย พระองค์ก็ติดตามเข้าไป แต่หินก็ถล่มลงปิดปากถ้ำไว้ โดยที่เสนาวิ่งตามไม่ทัน ทำให้ท้าวพันธุมติถูกขังอยู่ในถ้ำตามลำพัง ท้าวพันธุมติถูกขังอยู่ในถ้ำเป็นเวลาหลายวันเพราะไม่มีทางออก มีเพียงรูเล็กๆ โดยใช้ตาข้างเดียวแนบส่องดูภายนอกได้เท่านั้น

ท้าวพันธุมติคิดในใจว่าตนคงต้องตายในถ้ำนี้แน่นอน คงไม่มีโอกาสอยู่กับมเหสีอีก จึงสั่งเสนาไปตามมเหสีทั้งเจ็ดมา เมื่อมเหสีมาแล้วพระองค์จึงขอให้เปิดผ้านุ่งให้ดูเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตาย มเหสีตั้งแต่ลำดับที่ 1 ถึง 6 ไม่ยอมเปิดผ้านุ่งเพราะความอาย แต่มเหสีองค์ที่ 7 รู้สึกสงสาร จึงยอมเปิดผ้านุ่งให้ดู ทันใดนั้น ก้อนหินที่ปิดปากถ้ำอยู่ เกิดขำ อ้าปากกว้างระเบิดหัวเราะ เมื่อปากถ้ำเปิด พรพันธุมติจึงออกมาได้

เมื่อกลับมาถึงเมือง ท้าวพันธุมติได้อภิเษกให้บุตรเขยเป็นกษัตริย์ครองเมืองแทน จนสิ้นอายุขัย บุตรเขยผู้เป็นกษัตริย์ได้ครองเมืองโดยธรรม และได้สร้างโรงทานเป็นจำนวนมาก เพื่อให้ทรัพย์สิ่งของเป็นทานแก่ยาจกคนยากไร้ จากนั้นได้เทศนาสั่งสอนเสนาอำมาตย์และชาวเมืองให้ตั้งอยู่ในธรรมมีมรรคแปด เป็นต้น ชาวเมืองพันธุมติก็ดำรงชีพตามวิสัยอย่างสงบสุข


@@@@@@@

เรื่องราวที่มเหสีองค์เล็กเปิดผ้าถุงให้ท้าวพันธุมติดูเป็นเหตุให้สามีทั้งหลายรักเมียน้อยมากกว่าเมียหลวง และถ้ำดังกล่าวได้ชื่อว่า “ถ้ำยุบ” ตั้งแต่นั้นมา

ในแง่ของความเป็นมาเรื่อง “แมงสี่หูห้าตา” นี้มีข้อน่าสังเกตว่าอาจเป็นนิทานเล่าสืบต่อกันมาจนได้รับความนิยม ต่อมามีนักศาสนานำมาเขียนผูกโยงกับคำสอนทางศาสนาเพื่อดึงดูดความสนใจจนกลายเป็นนิทานชาดกนอกนิบาตเรื่องหนึ่ง

ความประทับใจของชาวล้านนาต่อนิทานเรื่องนี้ ทำให้ได้มีการสร้างรูปปั้นของแมงสี่หูห้าตาไว้ที่วัดดอยถ้ำเขาควาย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย และที่สำคัญชื่อเมือง “พันธุมติ” ก็เกี่ยวโยงกับชื่อเก่าแก่ของเมืองเชียงรายด้วย

ปัจจุบันมีการสร้างรูปปั้นขึ้นตามสถานที่ต่างๆ ให้คนกราบไหว้ขอโชคลาภ ซึ่งบางแห่งสร้างรูปคล้ายหมีตามที่ปรากฏในคัมภีร์ใบลานต้นฉบับ แต่ก็พบว่าหลายแห่งสร้างเป็นรูปคล้ายๆ ลิงหรือสัตว์ชนิดอื่น ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะการถ่ายทอดเนื้อหาคลาดเคลื่อนไป และนอกจากนี้ ยังมีการสร้างรูปเป็นเครื่องรางให้เช่าบูชา โดยเชื่อว่าแมงสี่หูห้าตาเป็นเครื่องรางนำโชค เนื่องจากถ่ายมูลเป็นทองคำนั่นเอง

 


ขอขอบคุณ :-
ที่มา : มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 8 - 14 ตุลาคม 2564
คอลัมน์ : ล้านนาคำเมือง
เผยแพร่ : วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ.2566
website : https://www.matichonweekly.com/column/article_474503
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ