ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “ฆราวาสธรรม” หลักธรรมพยุงความรัก  (อ่าน 861 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
“ฆราวาสธรรม” หลักธรรมพยุงความรัก
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 17, 2023, 06:14:33 am »
0




“ฆราวาสธรรม” หลักธรรมพยุงความรัก

ในทางพระพุทธศาสนาได้กล่าวถึง หลักธรรมที่พยุงความรัก ประคับประคองครอบครัว ให้รักใคร่ กลมเกลียวต่อกัน คือ ฆราวาสธรรม ธรรมสำหรับผู้ครองเรือน

ในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว  แสงแดดส่องความร้อนอย่างเต็มที่ พระอานนท์ เดินทางไกลมาถึงบ่อน้ำพอดี เห็นหญิงสาวผู้หนึ่งกำลังตักน้ำอยู่ จึงขอบิณฑบาตน้ำจากหญิงสาวนั้นด้วยวาจาที่นุ่นนวล จริยวัตรที่สุภาพของพระอานนท์ทำให้หญิงสาวผู้ซึ่งตักน้ำถวาย เกิดความรู้สึกหลงรักพระอานนท์ เป็นความรู้สึก “รักแรกพบ” เพียงครั้งแรกที่พบเจอ แต่หัวใจของนางหวั่นไหว แม้สถานะภาพจะต่างกันโดยสิ้นเชิง

เมื่อนางไม่สามารถหักห้ามใจของตนได้ นางโกกิลาจึงตัดสินใจเดินตามพระอานนท์ ไปยังวัดเชตวัน ด้วยความรักของนางต่อพระอานนท์ นางจึงบอกกับพระอานนท์ว่า “ฉันจะไม่กลับ ฉันรักท่าน” พระอานนท์ ผู้มีความหนักแน่น ได้บอกกับนางว่า “ความรักเป็นเรื่องร้าย มิใช่เรื่องดี พระศาสดาตรัสสอนว่า ความรักเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์และทรมาน”

นางโกกิลาไม่เข้าใจว่าความรักจะทุกข์ และทรมานได้อย่างไร ในเมื่อตลอดเวลาที่เดินตามพระอานนท์มา เธอมีแต่ความสุข พระอานนท์พยายามอธิบายให้นางเข้าใจ จึงบอกกับนางว่า “ความรักเหมือนการเอามือไปจับไฟ ถ้าจะไม่ให้มือพองมีทางเดียว คือ อย่าจับไฟ นั่นก็คือ อย่ารัก” จนกระทั่ง พระพุทธเจ้าเสด็จมา จึงถามนางโกกิลาว่า “เธอรักอะไรในพระอานนท์” และทรงตรัสสอนจนนางยอมเดินทางไปเมืองโกสัมพี “เพื่อใช้ความห่างไกล รักษาความรู้สึกของเธอ” แม้นางจะอยู่ไกลเพียงใดแต่ยิ่งทุรนทุราย ปั่นปวนรวนเร พระศาสดาทรงเมตตา ให้ข้อคิดแก่นาง จนสุดท้ายนางร้องไห้ เข้าใจในความรักจนตัดใจจากความรักได้ ประหารกิเลส บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในที่สุด

@@@@@@@

เรื่องนางโกกิลา ก็คงไม่ต่างจากพวกเราที่กำลังวิ่งตามความรักอยู่ วิ่งโดยลืมว่า ทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร บางทียิ่งวิ่ง ความรักยิ่งห่างไกลทุกที ถ้าเราเข้าใจดั่งพระอานนท์ท่านบอก “ความรักเปรียบเหมือนไฟ ยิ่งไขว่ขว้า ยิ่งร้อนยิ่งพอง ยิ่งเจ็บปวด”  แต่เพราะอารมณ์แห่งมายา เราจึงยังมองไม่เห็นความจริง แม้รู้ว่า “ยิ่งรักยิ่งทุกข์” เราก็ยิ่งวิ่งเข้าหา ตอนนี้ก็ยังวิ่งอยู่ไม่หยุด หรือว่าไม่จริง

มนุษย์ผู้ครองเรือนทุกคนที่เกิดมาบนโลกแห่งมายาคติใบนี้ ย่อมมีความปรารถนาต่อความรักไม่ต่างกัน คือ อยากมีความสุข อยู่กับคนรักไปนานๆ ไม่อยากพลัดพรากจากคนรัก แต่ในความจริงของชีวิต การพลัดพรากจากของรักและคนรัก ย่อมเป็นความจริงแท้แน่นอน ที่เราไม่สามารถปฏิเสธได้ แค่จะเกิดขึ้นกับเราช่วงวันและเวลาไหนของชีวิตเท่านั้นเอง     

ด้วยเหตุนี้เอง นักปราชญ์ผู้เข้าใจในความต้องการของมนุษย์ จึงหาวิธีที่จะทำให้ความรักของมนุษย์นั้นเป็นความรักที่เข้าใจ ไว้ใจ และวางใจซึ่งกันและกัน แม้วันหนึ่งหากเราจะต้องพลัดพรากจากคนรักของเราตามความจริงที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตก็ตาม แต่ในขณะที่ทุกคนยังมีความรัก ยังปรารถนาความรัก และยังอยากอยู่กับคนที่เรารัก เราจะมีวิธีการที่จะรักษาความรักที่เรามีอยู่ รักษาคนรักที่เรายังรักอยู่ ให้อยู่กับเราอย่างยืดยาวและมีความสุขตามปรารถนาได้อย่างไร       

ในทางพระพุทธศาสนาได้กล่าวถึง หลักธรรมที่พยุงความรัก ประคับประคองครอบครัว ให้รักใคร่ กลมเกลียวต่อกัน คือ ฆราวาสธรรม ธรรมสำหรับผู้ครองเรือน
ข้อที่ 1 คือ สัจจะ ต้องมีความซื่อสัตย์จริงใจต่อกัน 
ข้อที่ 2 ทมะ การรู้จักควบคุมอารมณ์ ข่มใจตน 
ข้อที่ 3 ขันติ  อดทน และ อดกลั้นต่อการใช้ชีวิตคู่
ข้อสุดท้าย ข้อที่ 4  จาคะ เสียสละ เอื้อเฟื้อ แบ่งปัน ทั้งความรักและสิ่งของ ต่อคนรัก






ขอบคุณ : https://www.dailynews.co.th/news/2003036/
16 กุมภาพันธ์ 2566 |12:28 น. | การศึกษา-ไอที   
คอลัมน์ : ลานธรรม
โดย : พระครูปลัดบัณฑิต อินฺทเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสังข์กระจายวรวิหาร รองประธานเครือข่ายธรรมะอารมณ์ดี
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ