ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พบ คัมภีร์ใบลาน อายุเก่า 380 ปี สมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาทอง ที่วัดเบญจมบพิตร  (อ่าน 928 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




กรมศิลป์ สรุปผลสำรวจเอกสารโบราณ วัดเบญจมบพิตร พบมากถึง 6,275 รายการ

กรมศิลปากร สรุปผลโครงการความร่วมมือกับวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ในการอนุรักษ์เอกสารโบราณ พบมากถึง 6,275 รายการ ชี้เป็นแหล่งเอกสารโบราณกลางกรุงที่ใหญ่มาก ทั้งพบคัมภีร์ใบลานที่สืบสายประวัติศาสตร์ไม่ขาดสายถึง 3 สมัย ได้แก่ อยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ อายุเก่าแก่สุด 380 ปี เป็นคัมภีร์ใบลาน เรื่อง วิมติวิโนทนี วินยฎีกา สร้างในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาทอง พ.ศ. 2186

เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธานแถลงข่าวส่งมอบผลงานโครงการความร่วมมือระหว่างวัดเบญจมบพิตร กับ กรมศิลปากร เพื่อเผยแพร่ผลงานการอนุรักษ์เอกสารโบราณวัดเบญจมบพิตร โดยถวายคัมภีร์ใบลานที่ได้รับการอนุรักษ์แล้ว พร้อมหนังสือบัญชีทะเบียนเอกสารโบราณวัดเบญจมบพิตร แด่เจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตร พร้อมทั้งมอบเกียรติบัตรแก่ภาคีเครือข่ายอาสาสมัครท้องถิ่นในการดูแลรักษามรดกทางศิลปวัฒนธรรม (อส.มศ.) ผู้ปฏิบัติงานอนุรักษ์เอกสารโบราณ




อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า กรมศิลปากร โดยสำนักหอสมุดแห่งชาติ ได้ร่วมกับวัดเบญจมบพิตร เผยแพร่ผลงานการอนุรักษ์เอกสารโบราณวัดเบญจมบพิตร ซึ่งเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากโครงการอนุรักษ์เอกสารโบราณวัดเบญจมบพิตร ปีงบประมาณ 2565 ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย. 2565-7 ก.พ. 2566 รวม 5 เดือนในการปฏิบัติงาน ได้บูรณาการประสานความร่วมมือระหว่างกรมศิลปากร คณะสงฆ์ และประชาชน สร้างการรับรู้อย่างเป็นรูปธรรม สรุปผลความสำเร็จของการดำเนินงานได้ ดังนี้



1. กรมศิลปากร ดำเนินการจัดทำทะเบียนเอกสารโบราณ ซึ่งเป็นการจัดระบบเอกสารโบราณ เพื่อให้บริการตามหลักวิชาการ ออกเลขทะเบียนบัญชีรายชื่อเอกสารโบราณประเภทคัมภีร์ใบลาน จำนวนมากถึง 425 มัด ออกรหัสเลขที่ได้ 719 เลขที่ รวมทั้งสิ้นจำนวน 6,275 ผูก (รายการ) และเอกสารโบราณ ประเภทหนังสือสมุดไทย จำนวน 6 เล่ม ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งเอกสารโบราณกลางกรุงที่ใหญ่มาก และจะได้รับการพัฒนาไปสู่แหล่งเรียนรู้อีกระดับหนึ่ง นายพนมบุตร กล่าวต่อไปว่า

2. ความสำคัญของเอกสารโบราณเหล่านี้ไม่แพ้ความสำคัญของวัด โดยเฉพาะคัมภีร์ใบลานมีการสืบสายประวัติศาสตร์ไม่ขาดสายถึง 3 สมัย ได้แก่ คัมภีร์ใบลานสมัยอยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 150 ผูก และพบคัมภีร์ที่เก่าแก่แต่ละสมัย ดังนี้

    - สมัยอยุธยา ได้แก่ เรื่อง วิมติวิโนทนี วินยฎีกา สร้างในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาทอง พ.ศ. 2186 อายุ 380 ปี อธิบายสิกขาบทของภิกษุว่า ด้วยการล่วงอาบัติปาราชิก สังฆาทิเสส และปาจิตตีย์ ฉบับล่องชาด 12 ผูก สร้างโดยอุบาสกขุนยอดโยธา
    - สมัยธนบุรี ได้แก่ เรื่อง สารสังคหะ สร้างในสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พ.ศ. 2320 อายุ 246 ปี อธิบายพระไตรปิฎก อรรถกถาและฎีกาโดยสังเขป ครอบคลุมสาระธรรมทั้งโลกิยะและโลกุตตระ ฉบับทองทึบ 6 ผูก สามเณรบัวเป็นผู้สร้าง
    - สมัยรัตนโกสินทร์ ได้แก่ เรื่อง ธรรมบทอัฏฐกถา สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (ร.1) พ.ศ. 2328 อายุ 238 ปี เป็นการแสดงธรรมโดยการเล่าเรื่องปรารภเหตุการณ์ต่างๆ ฉบับทองทึบ 6 ผูก ไม่ปรากฏผู้สร้าง




3. พบคัมภีร์ใบลานสมัยรัตนโกสินทร์ที่สืบต่อกันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 6 ทำให้เห็นว่า วัดเบญจมบพิตรเป็นแหล่งเอกสารโบราณที่สามารถศึกษาเปรียบเทียบยุคสมัยของตัวอักษรแต่ละรัชกาลได้ในแหล่งเอกสารเดียวกัน พร้อมกันนี้ ยังศึกษาประวัติศาสตร์การสร้างคัมภีร์ถวายในพระพุทธศาสนาในช่วงเปลี่ยนผ่านจากใบลานสู่กระดาษแบบฝรั่งด้วย นายพนมบุตร กล่าวต่ออีกว่า

4. สมัยรัชกาลที่ 5 มีการปริวรรตพระไตรปิฎกจากอักษรขอมเป็นอักษรไทยจัดพิมพ์เป็นพระไตรปิฎก ฉบับพิมพ์อักษรไทยเป็นครั้งแรกของโลก หลังจากนั้นจึงไม่มีการผลิตซ้ำทำเพิ่มคัมภีร์ใบลาน แต่ในความเป็นจริงคัมภีร์ใบลานยังคงความศักดิ์สิทธิ์และศรัทธาสืบมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ 6 กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้สร้างคัมภีร์ใบลานถวายไว้ในพระพุทธศาสนาเป็นจำนวนมาก และเจาะจงสร้างถวายเป็นการเฉพาะสำหรับวัดเบญจมบพิตรอีกด้วย ตัวอย่างเช่น คัมภีร์ใบลาน เลขที่ 524 เรื่อง เวสสันตรชาตกกถา พ.ศ.2461 อายุ 105 ปี 

5. ข้อสันนิษฐาน คัมภีร์ใบลาน เลขที่ วบจ.161 เรื่อง มังคลัตถทีปนี ใช้นามผู้สร้างว่า “เจ้าทับ” พ.ศ.2386 อายุ 180 ปี ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และสอดคล้องกับพระนามเดิมของ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงสันนิษฐานว่า รัชกาลที่ 3 สร้างเป็นการส่วนพระองค์จึงให้ชื่อว่า “เจ้าทับ” ตามพระนามเดิมของพระองค์ ไม่ประทับตราพระราชลัญจกร





Thank to : https://www.dailynews.co.th/news/2100962/
15 มีนาคม 2566 | 13:52 น. | การศึกษา-ไอที   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 16, 2023, 09:35:04 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ