ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: I don't have much but I still have me ความโดดเดี่ยวอาจน่ากลัวจับใจ แต่เรายังมี..  (อ่าน 1053 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29309
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




I don't have much but I still have me ความโดดเดี่ยวอาจน่ากลัวจับใจ แต่เราจะยังมีตัวเองเคียงข้างเสมอ

Summary

    - ล้ม-ลุก-ทุกข์-cry คือคอลัมน์ว่าด้วยความทุกข์และความแซดในสังคมสมัยใหม่ เขียนโดย ศุภาวรรณ คงสุวรรณ์ กองบรรณาธิการไทยรัฐพลัส ผู้มีขวบวัยอยู่ในกลุ่มก้อนที่ใครๆ ก็เรียกว่าเป็น ‘Sad Generation’ แต่กลับเชื่ออย่างยิ่งว่าพวกเราต่างล้ม พร้อมๆ กับที่พยายามลุก และเมื่อทุกข์ เราก็แค่ Cry

    - สัปดาห์นี้มาพร้อม ‘ความโดดเดี่ยว’ ความรู้สึกอันซับซ้อนที่หนักหนากว่าความเหงา และบางครั้งก็ทำให้หลายคนเหมือนตายทั้งเป็น แต่ในทางตรงกันข้ามความโดดเดี่ยวก็เป็นหนทางนำเรากลับไปพบกับตัวเอง เพื่อยืนยันว่าเราจะยังมีตัวเองเคียงข้างเสมอ




Illustration: Nuttal-Thanatpohn Dejkunchorn

สิ่งที่ฉันกำลังจะเขียนถึงในบรรทัดถัดไป คือสิ่งที่มนุษย์น่าจะคุ้นเคยพอประมาณ และในขณะเดียวกัน บางครั้งเรากลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันสักอย่าง

ฉันกำลังพูดถึง ‘ความโดดเดี่ยว’ ความรู้สึกอันซับซ้อนที่ทำให้หลายคนเหมือนตายทั้งเป็น และในทางตรงกันข้าม บางครั้งมันผลักให้ใครหลายคนเติบโตและแข็งแกร่งมากเช่นกัน

ก่อนจะเขียนบทความนี้ ฉันถึงกับเข้าไปเสิร์ชหาความหมายของคำว่า ‘โดดเดี่ยว’ ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ก่อนจะพบว่าคำนิยามที่ถูกให้ไว้อาจเล็กจ้อยเกินไปหน่อย หากเทียบกับเวลาที่เราประสบกับความโดดเดี่ยวเข้าจริงๆ

ราชบัณฑิตฯ เขาบอกว่า ‘โดดเดี่ยว’ คือการ ‘อยู่ตามลำพังไม่เกี่ยวข้องกับใคร’ แต่หากจะให้ฉันขยายความรู้สึกดังกล่าวแบบควักหัวใจออกมาสำรวจแล้วล่ะก็ ฉันคิดว่ามันคือความอ้างว้างและว่างเปล่าอันเข้มข้นที่เกิดกับจิตใจ แม้เราจะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย หรืออยู่ตามลำพังไม่เกี่ยวข้องกับใครก็ตาม

@@@@@@@

- 1 -

ความโดดเดี่ยวแตกต่างจากความเหงา เหงาอาจเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวเมื่อเราขาดผู้คนข้างกาย ต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย หรือแยกจากสังคมที่เราเคยชิน แต่ความโดดเดี่ยวคือความเหงาที่ทับถมด้วยอารมณ์เศร้า หรือบางครั้งอาจเป็นความท้อแท้ สิ้นยินดี และรู้สึกราวกับไร้ซึ่งทางออก

ความโดดเดี่ยวยิ่งเป็นคนละเรื่องกับความสันโดษ มันไม่ใช่การที่เรา ‘เลือก’ จะอยู่เพียงลำพังด้วยความสุขสงบ กลับกันมันแทบไม่เหลือสิทธิเสรีให้เราเลือก แต่จะเป็นผู้ตัดสิน และพุ่งเข้าหาเราเองเป็นส่วนใหญ่

ถ้าความเหงาทำให้เราจินตนาการถึงทะเลอันไพศาล และแสงตะวันริมขอบฟ้าที่ค่อยๆ ลาจากไป

ความสันโดษทำให้เรานึกถึงลมเบาๆ ที่พัดผ่านกาย และเสียงบางเบาของความสงบอันมีแต่เราที่ได้ฟัง

ความโดดเดี่ยวจะไม่เหลือภาพอะไรไว้ให้เราจินตนาการ เหมือนกับใครสักคนขโมยแสงสว่างและความสามารถในการมองเห็น จนไม่เหลือสิ่งใดรอบกาย

ในชีวิตของเรามีโอกาสประสบกับความโดดเดี่ยวได้หลายทิศทาง บางครั้งมันเกิดขึ้นในโมงยามแห่งความเจ็บป่วย และทดท้อ -- เปล่าค่ะ ความยากลำบากของชีวิตไม่ใช่ส่วนเดียวที่ทำให้เราโดดเดี่ยว แต่อาจเป็นความต้องการใครสักคนในช่วงเวลาแบบนั้นต่างหาก เมื่อเรามองไปไม่เห็นใคร ไม่รู้จะโทรขอความช่วยเหลือจากใคร หรือรู้สึกว่าไร้ซึ่งความห่วงหาที่ถูกส่งมาถึง เราย่อมโดดเดี่ยวเป็นธรรมดา

และบางครั้ง มันกลับเกิดขึ้นในโมงยามแห่งความภาคภูมิใจ -- ฉันรู้ ช่วงเวลาแบบนี้น่าจะเต็มไปด้วยความยินดีใช่ไหมคะ เวลาที่เราทำอะไรสำเร็จ เวลาที่เราใช้ความสามารถของตัวเองไต่บันไดชีวิตขึ้นไปอีกก้าว เราก็สมควรได้เฉลิมฉลอง หรือรับรางวัลในนามของความสุข

แต่โมงยามแบบนั้น หากเราพบว่าไม่รู้จะยินดีไปกับใคร หากไร้ซึ่งคำเชยชมที่มาจากใจจริงของใครสักคน หรือหากเรามองเห็นว่าเส้นทางที่ผ่านมา เราไต่บันไดชีวิตขั้นนี้อย่างยากลำบากเพียงลำพัง มันก็เคว้งคว้าง และโดดเดี่ยวอย่างน่าใจหาย

ช่วงเวลาอีกแบบที่สะกิดเตือนให้เรานึกถึงความโดดเดี่ยวคือยามที่เราผิดหวัง ความคาดหวังเป็นเรื่องธรรมดาเหลือเกินค่ะ แต่บางครั้งความคาดหวังก็ทำให้เราล่องลอยอยู่ในจินตนาการ และตั้งความหวังในสิ่งที่ดีกับหัวใจ เช่นการได้รับความรัก การเคียงข้าง หรือความห่วงใยจากคนที่เราแคร์

แต่บางครั้ง สถานการณ์ต่างๆ ก็ทำให้ปฏิสัมพันธ์หรือการกระทำของคนที่เรารักผิดไปจากที่คิดไว้ แม้จะตระหนักว่าไม่มีอะไรเป็นอย่างใจไปเสียทุกอย่าง แม้จะใช้เหตุผลทำความเข้าใจสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี แต่ลึกๆ แล้วเราก็อาจผิดหวัง และตามมาด้วยความโดดเดี่ยว นั่นก็เพราะความเข้าใจหรือการยอมรับอยู่คนละส่วนกับความรู้สึก

ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่จะก่อความโดดเดี่ยวขึ้นมาในจิตใจของเรา ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียคนสำคัญ กระทั่งสภาพสังคมการเมืองที่ยากลำบาก ความเป็นเมืองที่ไม่โอบประคองผู้คน ทำให้เรามีแนวโน้มที่จะรู้สึกโดดเดี่ยวได้ง่ายกว่าเดิมในโลกใบนี้ และอีกประการที่เรามองข้ามไม่ได้เลยคือ สภาพจิตใจของเราในขณะนั้น

เรามักใช้ความรู้สึกของเราเองวัดความโดดเดี่ยว ซึ่งก็ไม่ได้ผิดแต่ประการใดค่ะ แต่ความรู้สึกของเรา หากมันอยู่ในช่วงที่ไม่สู้ดีนัก ถ้าสภาพจิตใจของเรากำลังสั่นไหวด้วยเหตุผลใดก็ตาม เป็นไปได้ว่าเราจะรู้สึกโดดเดี่ยวยิ่งขึ้น แม้ในความเป็นจริงแล้ว เราอาจไม่โดดเดี่ยวเท่าที่คิด

แต่ในเมื่อความโดดเดี่ยวเป็นเรื่องของความรู้สึก ฉันจะขอถือว่า ไม่ว่าความเป็นจริงจะเป็นเช่นไร สิ่งที่เรากำลังรู้สึกก็จริงไม่น้อยไปกว่ากัน

    "ถ้าความเหงาทำให้เราจินตนาการถึงทะเลอันไพศาล และแสงตะวันริมขอบฟ้าที่ค่อยๆ ลาจากไป ความสันโดษทำให้เรานึกถึงลมเบาๆ ที่พัดผ่านกาย และเสียงบางเบาของความสงบอันมีแต่เราที่ได้ฟัง ความโดดเดี่ยวจะไม่เหลือภาพอะไรไว้ให้เราจินตนาการ เหมือนกับใครสักคนขโมยแสงสว่างและความสามารถในการมองเห็น จนไม่เหลือสิ่งใดรอบกาย"

@@@@@@@

- 2 -

ความโดดเดี่ยวมักเป็นความจริงที่สะเทือนหัวใจอย่างบรรยายไม่ได้ -- และเพราะบรรยายไม่ได้อีกนั่นแหละ บางครั้งการบอกเล่าให้คนรอบข้างฟังจึงเป็นเรื่องยากเอาการ

เป็นไปได้ว่าความโดดเดี่ยวของเราอาจถูกซ้ำเติมให้ยิ่งโดดเดี่ยวถึงขั้วหัวใจ เมื่อคนรอบข้างไม่สามารถทำความเข้าใจสิ่งที่เรากำลังรู้สึก ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือในสิ่งที่พวกเขาเข้าไม่ถึง หรือประเมินความสาหัสของมันไม่ถูก โอ ทีนี้ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เรียกว่าโดดเดี่ยวในโดดเดี่ยวก็คงได้

ว่ากันให้ถึงที่สุด ความโดดเดี่ยวของใครสักคนไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะรับมือ ลองคิดกลับกันว่าหากใครสักคนบอกเราว่าเขารู้สึกโดดเดี่ยว เราอาจคิดหนักเช่นกันว่าจะตอบกลับ หรือให้ความช่วยเหลืออย่างไรถึงจะเหมาะสม และเป็นไปได้ว่าแม้คนรอบข้างจะพยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว เราก็อาจยังรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่ดี

จริงๆ แล้วมีคำแนะนำหลายอย่างสำหรับการจัดการความรู้สึกนี้ เป็นต้นว่า พาตัวเองไปเชื่อมโยงกับผู้คน สังคม ออกไปทำกิจกรรมใหม่ๆ นอกคอมฟอร์ตโซน หรือกิจกรรมที่จะทำให้เรารู้สึก ‘เป็นส่วนหนึ่ง’ กับบางอย่าง กระทั่งการไปพบนักบำบัดเพื่อสะสางสิ่งที่ขุ่นมัวในจิตใจ แต่ฉันคิดว่าการรับมือความโดดเดี่ยวที่สำคัญที่สุดข้อหนึ่ง โดยไม่ต้องรอคอยจากใคร คือการมองเห็นตัวเราเองท่ามกลางความโดดเดี่ยวเหล่านั้น

จริงอยู่ว่ายามที่เราโดดเดี่ยว เราจะรู้สึกโหยหาใครบางคน การหันหน้ากลับมาหาตัวเองอาจฟังดูเป็นเรื่องย้อนแย้งและฝืนใจที่จะทำ แต่หากคุณเคยผ่านความโดดเดี่ยวมาบ้าง คุณก็คงรู้ดีว่า ชั่วขณะของความโดดเดี่ยวทำให้รู้สึกราวกับ ‘เหลือเพียงเรา’ เท่านั้นจริงๆ

ฉันไม่ปฏิเสธ การเหลือเพียงตัวเองมันน่าเศร้า แต่ก็เป็นวินาทีที่เราได้เผชิญหน้ากับตัวเองอย่างจริงใจ เราอาจทำเป็นมองไม่เห็นความโดดเดี่ยวที่เกิดขึ้นได้บ้าง แต่หากมันเกิดซ้ำครั้งที่สอง สาม สี่ จนถึงนับไม่ถ้วน เราจะมองเห็นสิ่งที่ตัวเองรู้สึกชนิดไม่อาจหลบตา ไม่ว่ามันจะเป็นความรู้สึกที่อัปลักษณ์ขนาดไหน

ฉันเคยเล่นวิ่งไล่จับกับความโดดเดี่ยวอยู่หลายตา เมื่อโดดเดี่ยว ฉันจะหาทางหลบเลี่ยง ทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้ เพื่อที่หลุมขนาดใหญ่ภายในใจจะถูกกลบฝัง และเท่าที่สนทนากับผู้อื่นมา หลายคนก็ทำแบบนี้เช่นเดียวกัน

แต่ในจุดที่วิ่งหนีต่อไปไม่ไหว ไม่ว่าจะพบเจอใครกี่คน ทำงานเป็นบ้าเป็นหลังติดกันกี่คืน หรือออกไปใช้ชีวิตให้เหน็ดเหนื่อยจนแทบหมดแรงขนาดไหน หลุมแห่งความโดดเดี่ยวก็ยังคงมีขนาดใหญ่เท่าเดิม เมื่อถึงจุดนั้น ทางเลือกเดียวที่เหลือจึงเป็นการเผชิญหน้ากับมัน และทางเดียวที่จะปกป้องตัวเองจากการเผชิญหน้า คือการสบตากับสิ่งที่ตัวเองกำลังรู้สึก เพื่อกอด ปลอบโยน และเป็นผู้ให้ในสิ่งที่ตัวเราเองต้องการ

    "ฉันจะไม่โกหกคุณด้วยการบอกว่าความโดดเดี่ยวจะถูกทำลายจนสิ้นซาก หรือบอกว่าคุณจะอยู่กับตัวเองเพียงลำพังได้เก่งสุดๆ จนไม่ต้องการใครอีก การหันกลับมาหาตัวเอง เป็นเพียงการตระหนักว่าเรามีตัวเองอยู่ และคนคนนี้แหละ จะเป็นผู้เคียงข้าง จับมือเราไปตลอดเส้นทางแห่งความโดดเดี่ยว"

@@@@@@@

ฉันคิดว่าคุณคงเคยได้ยินคำพูดทำนองนี้หลายครั้ง กอดตัวเอง มอบความรักให้ตัวเอง ปฏิบัติกับตัวเองอย่างที่อยากจะได้รับจากคนอื่น ฉันเคยคิด -- บางครั้งก็ยังคงคิด -- ว่ามันช่างเป็นคำพูดนามธรรมที่ทำได้ยาก และไม่เห็นภาพเสียจริง

แต่ฉันค้นพบความลับข้อหนึ่งจากคำพูดเหล่านี้

ฉันคิดว่าการตระหนักถึงตัวเองและดูแลตัวเองท่ามกลางความโดดเดี่ยว คือการกระทำที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ และอาจไม่มีทางสมบูรณ์แบบเลย ขณะที่ฉันเขียนบทความนี้ ฉันก็ไม่ได้กล่าวถึงมันในฐานะผู้ประสบความสำเร็จ ฉันจะไม่โกหกคุณด้วยการบอกว่าความโดดเดี่ยวจะถูกทำลายจนสิ้นซาก หรือบอกว่าคุณจะอยู่กับตัวเองเพียงลำพังได้เก่งสุดๆ จนไม่ต้องการใครอีก

การหันกลับมาหาตัวเอง เป็นเพียงการตระหนักว่าเรามีตัวเองอยู่ และคนคนนี้แหละ จะเป็นผู้เคียงข้าง จับมือเราไปตลอดเส้นทางแห่งความโดดเดี่ยว

บอกตามตรง กอดตัวเองมันก็ไม่ค่อยอุ่นหรอกค่ะ พาตัวเองไปเผชิญโลกเพียงลำพังก็อาจจะเหงาบ้างเหมือนกัน และไม่ว่าการมอบความรักให้ตัวเองจะหน้าตาเป็นอย่างไร มันก็อาจยังปะปนด้วยเศษส่วนความเศร้าเล็กน้อย การมองหาตัวเองให้พบในความโดดเดี่ยวจึงไม่ใช่สูตรสำเร็จ และไม่ใช่สุดยอดทางออกที่จะพลิกหน้ามือให้เป็นหลังมือ เพียงแต่มันสำคัญ ตรงที่เราได้รู้ว่ายังมีเรา

อาจยังบาดเจ็บ อาจมองไปไม่เห็นใคร อาจไม่เหลืออะไรให้อุ่นใจมากมาย แต่จะยังมีตัวเราเองอยู่เสมอ ขอส่งอ้อมกอดอันไม่สมบูรณ์แบบไปถึงหัวใจที่โดดเดี่ยว จากหัวใจที่โดดเดี่ยวอยู่เช่นกันนะคะ






Thank to : https://plus.thairath.co.th/topic/spark/103018
Thairath Plus › Spark › Opinion › Lifestyle
9 เม.ย. 66 | creator : ศุภาวรรณ คงสุวรรณ์
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ