อนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง สี่แยกพ่อขุน อ. หล่มสัก (ภาพจาก Blogger ที่ว่าการอำเภอหล่มสัก)“เมืองราด” ของพ่อขุนผาเมือง อยู่ที่ไหน.? จากทัศนะของ “จิตร ภูมิศักดิ์”จิตร ภูมิศักดิ์ เป็นนักคิดด้านการเมือง นักประวัติศาสตร์ และนักภาษาศาสตร์-นิรุกติศาสตร์ นับเป็นนักปราชญ์/นักปฏิวัติทางความคิดและวิชาการคนสำคัญของประเทศไทย
จิตร ภูมิศักดิ์ มีงานเขียนทางประวัติศาสตร์มากมายที่เผยให้เห็นความเชี่ยวชาญด้านภาษาและนิรุกติศาสตร์ของเขา โดยเฉพาะความรู้ด้านภาษาเขมรปัจจุบันและภาษาเขมรโบราณ เขาสามารถเรียนรู้ระบบของภาษาและนำมาอธิบายได้อย่างน่าสนใจ หนึ่งในนั้น คือการแสดงความคิดเห็นเรื่อง “เมืองราด” ที่เรามักคุ้นเคยกันดีหากศึกษา ประวัติศาสตร์สุโขทัย และ การสถาปนาราชวงศ์ศรีนาวนำถุมหรือ ราชวงศ์พระร่วง ในดินแดนภาคกลางของไทย
ชื่อของเมืองราดเป็นส่วนหนึ่งอันเลือนลางในประวัติศาสตร์สุโขทัย แต่ถูกนำมาเป็นข้อสงสัยและการถกเถียงบ่อยครั้งว่าเมืองที่มีส่วนสำคัญในการร่วมขับไล่อิทธิพลขอม หรือเขมร ไปจากดินแดนไทยจนนำไปสู่การถือกำเนิดของอาณาจักรสุโขทัยนี้ แท้จริงแล้วอยู่ที่ไหน? และ สำคัญอย่างไร?
จิตร ภูมิศักดิ์ ได้ถ่ายทอดทฤษฎีความรู้ว่าด้วยการค้นหาความจริงในตำแหน่งที่ตั้งของเมืองราดอย่างน่าสนใจ ใช้หลักฐานและความรู้ด้านภาษาศาสตร์-นิรุกติศาตร์บันทึกไว้ในงานเขียน “ประวัติศาสตร์วินิจฉัย ประวัติพ่อขุนผาเมือง พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ปฐมวีรบุรุษของไทยสยาม เมืองราด เมืองบางยาง และเรื่องแรกตั้งของอาณาจักรสุโขทัย” ซึ่งมีต้นฉบับที่กระจัดกระจาย บางส่วนไม่ปะติดปะต่อกัน เข้าใจว่ายังไม่เสร็จสมบูรณ์ ต่อมาคุณวิชัย นภารัศมี ได้ติดตามและรวบรวมต้นฉบับบางส่วนมาเผยแพร่ ทำให้เราได้ทราบถึงทัศนะของจิตร ภูมิศักดิ์ ต่อตัวตนเมืองราดมากยิ่งขึ้น
@@@@@@@
จาก จารึกวัดศรีชุม แรกเริ่มก่อตั้งกรุงสุโขทัย เมืองราดเป็นเมืองใหญ่ที่ “พ่อขุนผาเมือง” ปกครองอยู่ พ่อขุนผาเมืองมีส่วนสำคัญในการช่วย “พ่อขุนบางกลางหาว” เจ้าเมืองบางยางรบกับเขมร เพื่อกำจัดอิทธิพลของเขมรและสถาปนากรุงสุโขทัยเป็นศูนย์กลางการปกครองแห่งใหม่ของ กลุ่มชนชาติไทย พ่อขุนบางกลางหาวได้ราชาภิเษกขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์ พ่อขุนผาเมืองยังถวายพระนาม “กมรเตงอัญ ศรีอินทรบดินทราทิตย์” ซึ่งได้รับจากพระเจ้ากรุงเขมรมาแต่เดิมก่อนมอบแก่พ่อขุนบางกลางหาว จากนั้นกลับไปปกครองเมืองราดตามเดิม
สถานะของเมืองราดตามประวัติศาสตร์สุโขทัยจึงดูขาดความชัดเจน ไร้ที่ไปที่มา รู้แต่เพียงเป็นเมืองสำคัญ ต้องมีอิทธิพลและสรรพกำลังมากถึงขนาดช่วยสถาปนาอาณาจักรใหม่ขึ้นมาได้
นักศึกษาประวัติศาสตรจึงเกิดข้อสันนิษฐานว่าเมืองราดคือที่ไหน ผู้รู้คนสำคัญ ๆ เช่น ศาสตราจารย์ยอรช เซเดส์ บอกว่าอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก ด้านตะวันออกของสุโขทัยหรืออาจเป็นทางเหนือของฝั่งแม่น้ำ ส่วนสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงลงความเห็นว่าอยู่ฝั่งตะวันออกของสุโขทัย ริมแม่น้ำป่าสักเช่นกัน โดยอาจเป็นเมืองเพชรบูรณ์หรือเมืองศรีเทพ
สำหรับจิตร ภูมิศักดิ์ ได้พยายามใช้หลักฐานเท่าที่จะนำมาประกอบการอ้างอิง ผสมกับหลักการทางภูมิศาสตร์ หลักทางยุทธศาสตร์การสงคราม และความเป็นไปได้ทางภาษาศาตร์ ทฤษฎีด้านนิรุกติศาสตร์ มาประกอบกันจนสามารถสรุปได้ว่า
1) เมืองราดต้องอยู่ทางทิศตะวันออกอย่างแน่นอน
2) แท้จริงแล้วเมืองราดคือ นครราชสีมา หรือเมืองโคราช นั่นเอง
จากงานเขียนของจิตร ภูมิศักดิ์ที่กล่าวไปข้างต้น เราจะพบหลักฐานที่สนับสรุปข้อสรุปที่เขาเสนอเอาไว้ ดังนี้
@@@@@@@
1. จารึกเขาสุมนกูฎ (เขาพระบาทใหญ่) ซึ่งจารึกในสมัยพญาฤาไทย กล่าวถึงชาวเมืองจากหัวเมืองต่าง ๆ ตามขบวนเสด็จขึ้นไปสมโภชบูชารอยพระพุทธบาท ปรากฏชื่อเมืองราดอยู่ขั้นกลางระหว่างกลุ่มหัวเมืองฝั่งตะวันตกกับตะวันออกของสุโขทัย เมื่อพิจารณาจะพบว่าในบรรดาหัวเมืองฟากตะวันตกไม่มีตำแหน่งใดพอจะเป็นที่ตั้งของเมืองราดได้เลย
2. เมืองราดถูกยกย่องใน จารึกวัดศรีชุม ว่าเป็น “เมืองกว้างช้างหลาย พืชผลอุดม” และ “มีเมืองออกหลวงหลายแก่กม” นั่นหมายความว่า เมืองราดต้องเป็นเมืองใหญ่ที่มีอำนาจมาก ขณะที่หัวเมืองฝั่งตะวันตกล้วนเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรสุโขทัยทั้งสิ้น เมืองราดจึงสมควรมีความเป็นอาณาจักรหนึ่งเดียวมากกว่าจะเป็นหัวเมืองขนาดเล็ก สอดคล้องความพึงพอใจของ พ่อขุนผาเมือง ที่จะกลับไปปกครองดังเดิม
3. จารึกวัดศรีชุมยังกล่าวถึงสงครามที่เมืองราดเผชิญท้าวอีจาน ซึ่งปกครองเมืองอีจาน เป็นเมืองบริเวณอำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมาในปัจจุบัน แปลว่าว่าเมืองราดจะต้องอยู่ในตำแหน่งที่ท้าวอีจานยกทัพไปทำศึกได้โดยไม่ต้องผ่านสุโขทัย นั่นคือทิศตะวันออกนั่นเอง
4. การแบ่งเขตแคว้นของภาคอีสาน สมัยที่อยู่ภายใต้การปกครองของเขมร มีมณฑลอีสานฝ่ายใต้คือบริเวณจังหวัดนครราชสีมาซึ่งมี พิมาย เป็นศูนย์กลาง มีความเป็นไปได้ที่ พิมาย จะเป็นที่ตั้งของเมืองราด เพราะพ่อขุนผาเมืองรับตำแหน่ง “กมรเตงอัญ ศรีอินทรบดินทราทิตย์” เทียบเท่าชั้นเจ้าพระยามหานคร ทั้งรับพระราชทาน พระนางสิงขรมหาเทวี และ พระแสงขรรค์ชัยศรี จากพระกรุงเขมร แปลว่าพ่อขุนผาเมืองต้องเป็นเจ้าระดับผู้ปกครองมณฑลอย่างแน่นอน ซึ่งมณฑลนั้นมีราชธานีคือ เมืองราด
5. สิ่งที่ส่งเสริมให้นครราชสีมา คือ เมืองราด สามารถสืบสาวได้ตั้งแต่เรื่องชื่อเมือง มีบันทึกตำนานเมืองกล่าวว่า “นครราชสีมา” เกิดจากการรวมชื่อเมืองโบราณเข้าด้วยกันให้ยาวขึ้น คือ เมืองเสมา หรือ สีมา รวมกับ นครราช ส่วน โคราด ซึ่งพัฒนามาจาก เมืองราด ที่ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงตามการออกเสียงอย่างเขมร นั่นเพราะดั้งเดิมเมืองราดก็คือเมืองของเขมร ทั้งชื่อเมือง, ภูเขา, แม่น้ำล้วนเป็นภาษาเขมร เมื่ออิงจาก เมืองราด เป็นเมืองชั้นพระยามหานคร จึงถูกเรียกว่า “นครราด” คำว่า นคร เป็นคำเดียวกับ องโค (อังกอร์) ในภาษาเขมร ที่ใช้เรียก “นครวัด” หรือ องโควัด ตามที่ชาติตะวันตกรับรู้ และเรียกต่อกันมา เขมรเรียกเมืองราดว่า “องโคราด” พยางค์แรกคือคำว่า “อง” ออกเสียงในลำคอ จึงกลายเป็น โคราช ที่คนไทยรู้จักกัน
@@@@@@@
จิตร ภูมิศักดิ์ เชื่อว่านครราชสีมาก่อนยุคพ่อขุนผาเมือง มีศูนย์กลางเดิม คือ เมืองพิมาย ซึ่งอยู่ติดลำน้ำมูลและมีเมืองเสมาเป็นหน้าด่าน เมืองราดน่าจะถูกสร้างขึ้นภายหลัง ก่อนกลายเป็นรัฐอิสระ เราจึงเห็นว่าในยุคพ่อขุนผาเมืองนั้น เมืองราดไม่ขึ้นต่อฝ่ายสุโขทัยรวมถึง เขมร เมื่อเมืองเสมาเป็นเมืองหน้าด่าน จึงเกิดการนำชื่อเมืองมารวมกัน เป็น “โคราชเสมา” นี่คือวิธีการเดียวกับที่สุโขทัยยกเมืองศรีสัชนาลัยเป็นเมืองลูกหลวง และเรียกรวมว่า กรุงศรีสัชนาลัยสุโขทัย
เมื่อถึงยุคกรุงศรีอยุทธยา สมัยสมเด็จพระรายณ์มหาราช ทรงสั่งให้สร้างเมืองโคราชขึ้นใหม่ทับเมืองเดิม จึงระบุนาม “นครราชสีมา” ในขณะที่ผู้คนจำนวนมากยังพอใจที่จะเรียก “โคราชสีมา” หรือ “โคราช” กันอยู่จวบถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม จิตร ภูมิศักดิ์ ยังกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “ตามที่ผู้เขียนได้สันนิษฐานมาทั้งหมดนี้อาจจะผิดก็ได้ ขอให้ถือเป็นเพียงความเห็นเรื่องเมืองราดอีกความเห็น 1 และช่วยกันค้นคว้าต่อไป อย่าเพิ่งเชื่อถือเอาเป็นจริงจัง”
อ่านเพิ่มเติม :-
- นครราชสีมา เมืองพญามหานคร มาจากเมืองราด ของพ่อขุนผาเมือง ที่สูงเนิน ลำตะคองขอขอบคุณ :-
ผู้เขียน : เด็กชายผักอีเลิด
เผยแพร่ : วันพุธที่ 14 มิถุนายน พ.ศ.2566
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก : เมื่อ 23 สิงหาคม 2565
URL :
https://www.silpa-mag.com/history/article_91644อ้างอิง : จิตร ภูมิศักดิ์ ; วิชัย นภารัศมี เผยแพร่. ประวัติศาสตร์วินิจฉัยตอนที่ 1 “เมืองราด”. ศิลปวัฒนธรรม ปีที่ 26 ฉบับที่ 1 (พฤศจิกายน 2547): 147-156.