« เมื่อ: กันยายน 09, 2023, 06:30:32 am »
0
พระอุทายีเถระ | ว่าด้วย ผู้เจริญพุทธานุสติเหตุการณ์ : บุพกรรมและคาถาสุภาษิตของพระอุทายีเถระ
ท่านพระอุทายีเถระนี้ได้ทำบุญญาธิการไว้ในพระพุทธเจ้าในปางก่อน สั่งสมบุญกุศลอันเป็นอุปนิสัยในภพนั้น ๆ ท่องเที่ยวไปในเทวโลกและมนุษยโลก ในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ในกรุงกบิลพัสดุ์ นามว่าอุทายี เจริญวัยแล้ว เห็นพระพุทธานุภาพในสมาคมพระญาติของพระศาสดา ได้ศรัทธา บวชแล้ว บำเพ็ญวิปัสสนากรรม ไม่นานนักก็บรรลุพระอรหัต
วันหนึ่ง เมื่อพระศาสดาทรงแสดงนาโคปมสูตร กระทำช้างเผือกประดับด้วยเครื่องอลังการทั้งปวงอันมหาชนพากันสรรเสริญให้เป็นอัตถุปปัติเหตุ ในเวลาจบเทศนา ท่านพระอุทายีนี้นึกถึงคุณของพระศาสดา มีใจปีติซึ่งมีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์กระตุ้นเตือน จึงคิดว่า มหาชนนี้สรรเสริญนาคซึ่งเป็นสัตว์ดิรัจฉาน ไม่ใช่สรรเสริญมหานาคคือพระพุทธเจ้า ท่านจักกระทำคุณแห่งช้างมหาคันธะ คือพระพุทธเจ้าให้ปรากฏ
ดังนี้แล้ว เมื่อจะชมเชยพระศาสดา จึงได้กล่าวคาถาเหล่านี้ว่า
@@@@@@@
อุทายีเถรคาถ - พระอุทายีเถระสรรเสริญพระศาสดาา
เราเคยได้ฟังมาจากพระอรหันต์ทั้งหลายว่า มนุษย์ทั้งหลายย่อมนอบน้อมบุคคลใด ผู้เกิดเป็นมนุษย์ เป็นพระพุทธเจ้า ผู้ตรัสรู้เอง มีตนอันได้ฝึกฝนแล้ว มีจิตตั้งมั่น ดำเนินไป ในทางของพรหม ยินดีในการสงบระงับจิต ถึงฝั่งแห่งธรรมทั้งปวง แม้เทวดาทั้งหลายก็พากันนอบน้อมบุคคลนั้น
• เทวดาและมนุษย์ย่อมนอบน้อมพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใด ผู้ก้าวล่วงสังโยชน์ทั้งปวงออกจากป่าคือ กิเลสมาสู่นิพพาน ออกจากกาม มายินดีในเนกขัมมะ เหมือนทองคำอันพ้นแล้วจากหิน
• พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น เป็นนาค รุ่งเรือง พ้นโลกนี้กับทั้งเทวโลก เหมือนภูเขาหิมวันต์ รุ่งเรืองล่วงภูเขาเหล่าอื่น
• เราจักแสดงนาคซึ่งเป็นนาคมีชื่อโดยแท้จริง เป็นเยี่ยมกว่าบรรดาผู้มีชื่อว่านาคทั้งหมด แก่ท่านทั้งหลาย เพราะผู้ใดไม่ทำบาป ผู้นั้นชื่อว่านาค
• ความสงบเสงี่ยมและการไม่เบียดเบียน ๒ อย่างนี้ เป็นเท้าหน้าทั้งสองของนาค สติสัมปชัญญะเป็นเท้าหลัง นาคคือช้างตัวประเสริฐ ควรบูชา มีศรัทธาเป็นงวง มีอุเบกขาเป็นงาอันขาว มีสติเป็นคอ มีปัญญาเครื่องค้นคว้าธรรมเป็นศีรษะ มีธรรมคือสมาวาสะเป็นท้อง มีวิเวกเป็นหาง
• ช้างตัวประเสริฐคือพระพุทธเจ้านั้นเป็นผู้มีปกติเพ่งฌาน ยินดีในนิพพาน มีจิตตั้งมั่นดีแล้วในภายใน คือ เมื่อเดิน ก็มีจิตตั้งมั่น เมื่อยืน ก็มีจิตตั้งมั่น นอน ก็มีจิตตั้งมั่น แม้เมื่อนั่ง ก็มีจิตตั้งมั่น เป็นผู้สำรวมในที่ทั้งปวง อันนี้คือสมบัติของช้างตัวประเสริฐ คือ พระพุทธเจ้า
• ช้างตัวประเสริฐคือพระพุทธเจ้านั้น บริโภคของอันหาโทษมิได้ ไม่บริโภคของที่มีโทษ ได้อาหารและเครื่องนุ่งห่มแล้ว ก็ไม่สั่งสมไว้ ตัดเครื่องเกาะเกี่ยวผูกพันน้อยใหญ่ทั้งสิ้น ไม่มีความห่วงใยเลย เที่ยวไปในที่ทุกหนทุกแห่ง
• เปรียบเหมือนดอกบัวขาบ มีกลิ่นหอมหวลชวนให้รื่นรมย์เกิดในน้ำ เจริญในน้ำ ย่อมไม่ติดอยู่ด้วยน้ำ ฉันใด พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติแล้วในโลก อยู่ในโลก ไม่ติดอยู่ด้วยโลก เหมือนดอกปทุมไม่ติดอยู่ด้วยน้ำ ฉันนั้น
@@@@@@@
ไฟกองใหญ่ลุกโชนเมื่อหมดเชื้อก็ดับไป ก็เมื่อเถ้ายังมีอยู่ เขาเรียกกันว่า ไฟดับแล้ว ฉันใด อุปมาอันทำให้รู้เนื้อความแจ่มแจ้งนี้ วิญญูชนทั้งหลายแสดงไว้แล้ว ก็ฉันนั้น
พระมหานาคทั้งหลายจักรู้แจ้งนาคด้วยนาคอันพระพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว พระพุทธนาคผู้ปราศจากราคะ โทสะ และโมหะ หมดอาสวะ เมื่อละสรีระร่างกายนี้แล้ว ก็ทรงหาอาสวกิเลสมิได้ จักเสด็จปรินิพพาน
พระเถระครั้นประดับด้วยอุปมา ๑๔ อย่างนี้แล้ว จึงพรรณนาพระคุณของพระศาสดาด้วยคาถา ๑๖ คาถา มี ๖๔ บาท แล้วให้เทศนาจบลงด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ขอบคุณ :
https://uttayarndham.org/node/5031อ้างอิง : อุทายีเถรคาถา พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๖ ข้อที่ ๓๘๔
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 09, 2023, 06:38:56 am โดย raponsan »

บันทึกการเข้า

ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ