ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เชื่อผิดหรือไม่.!! ให้เงินขอทาน ได้บาปแทนบุญ.?  (อ่าน 950 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.



เชื่อผิดหรือไม่.!! ให้เงินขอทาน ได้บาปแทนบุญ.?

เชื่อผิดหรือไม่.!! ให้เงินขอทาน ได้บาปแทนบุญ.? เมื่อ “ขอทาน” กับ “คนไทยใจบุญ” กลายเป็นเครื่องมือที่ทำให้วงจรขอทานไม่เคยลดละจากสังคมไทย ทั้งกลายเป็นเครื่องมือที่ทำให้เกิดการค้ามนุษย์ข้ามชาติจนเป็นที่น่ากังวลให้กับหลายฝ่าย คงปฏิเสธไม่ได้ว่า หนึ่งในปัจจัยของปัญหาเหล่านี้มาจากความเชื่อและความเมตตาในเรื่องของการทำบุญ หรือการให้ทานเป็นสำคัญ แต่แท้จริงแล้วการให้เงินขอทาน ได้บุญจริงหรือไม่.!? นี่เป็นความเชื่อผิดมาตลอดหรือเปล่า.!!

บุญจากการให้ทาน

ตามหลักพระพุทธศาสนา การให้ทาน หรือ ทานมัย คือหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ หมายถึง การให้ การสละ หรือการเผื่อแผ่แบ่งปัน ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ข้าวของเครื่องใช้หรือสิ่งอื่นใด ขัดเกลาจิตใจให้ลดความเห็นแก่ตัว ความตระหนี่ถี่เหนียว และไม่ยึดติดในวัตถุสิ่งของการบริจาคสิ่งของหรือสิ่งอื่นใดแก่ผู้อื่น สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้ให้แง่คิดไว้ในหนังสือเรื่อง วิธีสร้างบุญบารมี กล่าวถึงองค์ประกอบ 3 ประการ ที่นับว่าเป็นการให้ทานที่ได้บุญมาก คือ

    • วัตถุทานที่ให้ต้องบริสุทธิ์ นั่นก็คือ ของที่ได้มาจากการแสวงหาเองได้ความด้วยความบริสุทธิ์จากการประกอบอาชีพของตน ไม่ได้ไปเบียดเบียนผู้อื่นให้ได้มาซึ่งของสิ่งนั้น
    • เจตนาในการสร้างทานต้องบริสุทธิ์ ทุกขณะของการให้ทานจิตต้องยินดีเบิกบาน ทั้งก่อนให้ ขณะให้ และหลังให้ทานแก่ผู้อื่น
    • เนื้อนาบุญของผู้รับทานต้องบริสุทธิ์ คือ ต้องให้ทานกับผู้ที่มีเนื้อนาบุญที่บริสุทธิ์ หากผู้ที่ได้รับทานเป็นคนที่ไม่ดี ทานที่ทำไปนั้นก็ไม่ผลิดอกออกผล

หากให้ทานครบทั้งปัจจัย 3 ประการนี้ จึงนับเป็นทานมัยอันบริสุทธิ์ได้อานิสงส์มาก


@@@@@@@

ส่งเสริมผู้ไม่บริสุทธิ์ได้บุญหรือ.?

คนไทยได้ชื่อว่าเป็นคนใจบุญมีเมตตาธรรมและมักเชื่อว่า เมื่อมีจิตดีคิดเป็นผู้ให้...ให้อย่างไรก็ได้บุญ ความเชื่อนี้ไม่มีข้อโต้แย้งใดที่กล่าวว่าเป็นบาป แต่หากพิจารณาถึงองค์ประกอบทั้ง 3 ประการ ว่ามีเหตุปัจจัยที่ตรงกันข้ามหรือไม่ โดยเฉพาะของผู้รับทาน หากเจตนาของการเป็นขอทานนั้น เกิดขึ้นเพื่อการหาเลี้ยงชีพโดยไม่บริสุทธิ์ ไม่ได้ทุพพลภาพหรือทุกข์ทนจนหนทาง แต่เพียงเพื่อความสบายส่วนตน ด้วยหาเงินง่าย หลอกลวง ทั้งเป็นอาชีพที่ผิดกฎหมาย หรือร่วมอยู่ในกระบวนการธุรกิจบาปค้ามนุษย์ ซึ่งสังคมมีการรณรงค์ถึงเรื่องนี้มาตลอดหลายสิบปี

เมื่อผู้รับทานไม่บริสุทธิ์ แม้จะเชื่อได้ว่าบาปนี้ตกแก่ตัวขอทานเอง แต่สำหรับผู้ให้ทานเองนั้นย่อมเท่ากับทานนั้นไร้เนื้อนาบุญ ซึ่งหากผู้ให้เกิดความสงสัยนี้ เกิดความลังเล หรือให้ทานด้วยความไม่สบายใจเพราะไม่แน่ใจว่าเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ ก็เท่ากับขาดเจตนาบริสุทธิ์ด้วยเช่นกัน เท่ากับขาดพร่ององค์ประกอบถึงสองในสามประการ

ยิ่งหากเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในธุรกิจขอทานนี้ว่า มีเด็กถูกทารุณกรรม มีผู้สูญเสียอิสรภาพ หรือถูกใช้เป็นเครื่องมือของผู้เกียจคร้านและกลุ่มมิจฉาชีพ ท่านจะสบายใจหรือได้บุญจากการมีส่วนส่งเสริมการกระทำดังกล่าวนี้หรือไม่ โปรดใช้วิจารณญาณ ยังมีการสร้างบุญด้วยการทำทานอีกมากมายที่จำเป็นและเกิดประโยชน์ต่อผู้รับอย่างแท้จริง






ขอขอบคุณ :-
ข้อมูล : สสส.
S! Horoscope : สนับสนุนเนื้อหา | 23 พ.ย. 66 (16:33 น.)
website : https://www.sanook.com/horoscope/266907/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 25, 2023, 10:35:04 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ