.
เทคนิคการงีบพักสายตา ควรทำตอนไหน กี่นาที ถึงจะดีต่อสุขภาพการงีบ หรือ นอนพักสายตา เป็นอีกหนึ่งเทคนิค และพฤติกรรมประจำวัน ที่ทำให้มนุษย์เราสามารถชาร์จตัวเองให้กลับมาสดชื่นระหว่างวันได้อีกครั้ง แต่ถึงอย่างไรก็ตามการงีบ และพักสายตา นั้นควรจะต้องทำในเวลาที่เหมาะสมถึงจะดีต่อสุขภาพ
การนอนงีบ และพักสายตา คือ การหยุดกระทำต่างๆ โดยให้ดวงตาที่อ่อนล้ามานั้นได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น ‘การนอนหลับ’ ระหว่างวันในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพื่อที่จะได้ชดเชยเวลาที่นอนไม่เพียงพอในช่วงคืนที่ผ่านมา หรือความอ่อนล้าทางสายตาให้กลับมามีชีวิตชีวาให้มากขึ้น
การงีบ และการพักสายตานั้น จะมีช่วงระยะเวลาของการนอนหลับที่มีผลต่อสุขภาพ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสมอง และร่างกาย หากสามารถพักผ่อนได้อยากถูกต้อง จะทำให้รู้สึกตื่นตัวได้อย่างรวดเร็ว ช่วยลดความตึงเครียด ทำให้จิตใจสดชื่นแจ่มใส และระบบร่างกายจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่หากกระทำผิดเวลา ก็อาจจะส่งผลให้ร่างกายอ่อยเพลียได้เช่นกัน
@@@@@@@
ข้อดีของการงีบ
• การงีบ สามารถทำให้เกิดการตื่นตัวของสมอง และร่างกายในการทำงานมากขึ้น
• ช่วยรักษาอาการเพลีย และโรยราต่าง ถือเป็นการชดเชยเวลานอนที่หายไปได้ดี
• เพิ่มประสิทธิภาพทำให้สมอง มีการจำได้รวดเร็วเพิ่มขึ้น
• ลดความเครียดหรือความหงุดหงิด เพราะการหลับจะช่วยลดฮอร์โมนที่ก่อให้เกิดความเครียดได้
• มีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้น
• สุขภาพโดยรวมดีขึ้น เนื่องจากการงีบระหว่างวันจะทำให้ร่างกายปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย และซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ
ข้อเสียของการงีบ
• ทำให้ผู้มีปัญหาการนอนนั้นหลับยาก
• หากงีบไม่เป็นเวลา และมีระยะเวลานาน อาจทำให้ร่างกายอ่อนเพลียได้ง่ายขึ้น
• ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานระหว่างวันหากทำผิดวิธี
• การอดนอนในช่วงกลางคืน ไม่สามารถชดเชยด้วยการงีบได้
• เทคนิคการงีบ และพักสายตาระหว่างวัน
@@@@@@@
ข้อมูลของ สสส. ได้เผยถึงเคล็ดลับการงีบระหว่างวันอย่างมีประสิทธิภาพ ที่สามารถเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกาย ให้มีแรงใช้งานได้ตลอดวัน มีข้อมูลดังต่อไปนี้
- เวลาที่เหมาะสมในการงีบพักสายตาระหว่างวันจะอยู่ที่เวลา 10-20 นาที เพียงเท่านี้ก็จะช่วยเพิ่มพลังงาน และคืนความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า สมองโปร่ง เพราะอยู่ในช่วง non-rapid eye movement (NREM)
- หากงีบหลับเป็นเวลา 30 นาทีขึ้นไป จะส่งผลที่ไม่เป็นผลดีกับร่างกาย เพราะจะยังคงรู้สึกง่วง มึนงง เหมือนกับนอนไม่พอ และยังคงไม่พร้อมที่จะทำงาน ซึ่งกว่าอาการนี้จะหายไปก็จะใช้เวลาเพิ่มอีกประมาณ 30 นาทีต่อมา
- การนอนงีบหลับเป็นเวลา 60 นาที เป็นช่วงเวลาที่ส่งผลดีต่อความจำ ซึ่งเรียกว่าอยู่ในช่วง Slow-wave sleep เป็นการหลับลึกที่ยังคงความง่วง แต่สมองสามารถเสริมความจำดีไว้ได้
- การนอนหลับ 90 นาที เป็นการนอนที่ครบรอบ กล่าวคือ มีหลับลึกและไม่ลึกมากนัก อาจมีการฝันบ้าง ช่วยให้อารมณ์ดี มีความคิดสร้างสรรค์ และไม่งัวเงียเหมือนช่วง 30-60 นาทีแรก
@@@@@@@
อย่างไรก็ตาม การงีบหลับในช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น ช่วงกลางวัน-บ่าย อาจส่งผลดีต่อร่างกาย และสุขภาพมากที่สุด ไม่ควรงีบหลับหลังจากช่วงเย็นลงไปแล้ว เพราะอาจทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับไปช่วงกลางคืนได้
นอกจากนี้ “จากผลวิจัยพบว่าการใช้เวลางีบระหว่างวันเกินกว่า 30-45 นาที หรือการงีบช่วง 11.00 น. นอกจากจะไม่ส่งผลดีกับร่างกายแล้ว ยังก่อให้เกิดผลเสียตามมาอย่าง เช่น ทำให้ช่วงกลางคืนนอนไม่หลับ และอาจมีปัญหาสุขภาพตามมา อย่างที่กล่าวไปข้างต้นอีกด้วย”ขอขอบคุณ :-
ข้อมูล : สสส. | ภาพ : istock
URL :
https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/27601892 ก.พ. 2567 19:32 น. | ไลฟ์สไตล์ > ไลฟ์ > ไทยรัฐออนไลน์