เอ๊ะ! นี่อะไร...รูปภิกษุณี
เสร็จรายงานเล่มเล็กๆ ก็มาอัพบล็อกของตัวเองซะหน่อย วันนี้เอาของแปลกมาให้เปิดหูเปิดตาว่าเมืองไทยก็มีสิ่งละอันพันละน้อยที่น่า สนใจสามารถแวะเวียนไปเที่ยว ศึกษาหาความรู้ได้อยู่เรื่อยๆ จะว่าไปแล้วก็คงจะมีคนที่รู้แล้วว่าสิ่งที่จะเอามาให้ดูวันนี้คืออะไร แต่สำหรับคนที่ยังไม่รู้ก็ตามมาดูกันเลยดีกว่า ก่อนอื่นขอแนะนำสถานที่ก่อนว่าที่นี่คือวัดเทพธิดารามวรวิหาร หรือเรียกสั้นๆ ว่าวัดเทพธิดราม ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับวัดราชนัดดาที่มีโลหะปราสาทนั่นแหล่ะครับ วัดนี้พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2379 โดยกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพทรงบริจาคทุนทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อร่วมในการก่อ สร้างวัดเทพธิดารามด้วย เมื่อและสร้างเสร็จ ในปี พ.ศ. 2382
จึงพระราชทานนามวัดว่า วัดเทพธิดารามวรวิหาร ด้วยเหตุของคำว่า เทพธิดา หมายถึง กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ หรือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองศ์เจ้าวิลาส พระราชธิดาองค์ใหญ่ในรัชกาลที่ 3 ซึ่งมีพระสิริโฉมงดงามและทรงได้รับใช้เป็นที่โปรดปรานของพระราชบิดานั่นเองทีนี้มาดูกันดีกว่าว่าที่นี้เขามีอะไรดีดีให้ได้ดูกัน หากเราเดินเข้าไปในวัดเทพธิดาราม อาคารตรงกลางคือพระอุโบสถ แต่วันนี้ผมจะพาเข้าไปยังวิหารหลังหนึ่งที่อยู่ทางด้านซ้ายของพระอุโบสถ เมื่อเดิมเข้าไปแล้ว ก็จะเห็นบรรยากาศภายใน
ดูจากรูปข้างบนนะครับ ถ้าไม่สังเกตอาจจะเห็นและเข้าใจว่าเป็นพระประธานพร้อมด้วยพระสาวกอยู่บนฐาน ชุกชีเหมือนวัดทั่วๆ ไป แต่ที่นี่มีความหมายมากกว่านั้น เพราะว่า เหล่าสาวกเบื้องหน้าทั้งหลายนั้น คือ หมู่อริสาวิกาหรือภิกษุณี
หมู่ภิกษุณีนี้เป็นภิกษุณีที่ได้รับเอตทัคคะ คือพระพุทธเจ้าเป็นผู้บวชให้ด้วยพระองค์เอง ลักษณะรูปดังกล่าวหล่อด้วยดีบุก จำนวน 52 องค์ โดยมีรูปของพระนางปชาบดีโคตรมีซึ่งถือเป็นภิกษุณีองค์แรก ประดิษฐานอยู่ตรงกลาง (รูปข้างบนย่อหน้านี้นะครับ)ส่วนภิกษุณีรูป อื่นๆ ก็จะมีการแสดงอากัปกริยา สีหน้า แตกต่างกันออกไป ซึ่งแถวหน้าจะมีอากัปกริยาเรียบร้อย ซึ่งแตกต่างจากแถวหลังๆ ดูแล้วจินตนาการได้เพลินดีไม่น้อย
แถวหน้า
นี่ก็เรียบร้อย
เหน็บ(ชา) เริ่มกิน
อยากเคี้ยวหมาก
อยากเคี้ยวหมากแล้วก็ต้องบ้วนหมาก
หาผ้ามาซับน้ำหมากก่อน
ปาด
บริหารมือ
ท่านั่งแถวหลังสุด
- คำบรรยายใต้ภาพเกิดจากจินตนาการระหว่างที่เดินดูนะครับ -หากใครสนใจอยากจะเข้าไปชม เมื่อเข้าไปภายในวัดแล้วอาจจะต้องสอบถามกับพระสงฆ์หรือเจ้าหน้าที่ของวัดที่ ดูแลอยู่ในบริเวณนั้น เพราะปกติแล้ววิหารดังกล่าวจะปิด เพื่อป้องกันการโจรกรรม
ถ้ามีอะไรน่าสนใจแล้วจะเอามาให้ดูกันใหม่นะครับที่มา http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=smalleyedrace&month=09-10-2007&group=5&gblog=3
ผู้เขียน
หัวข้อ: เอ๊ะ! นี่อะไร...รูปภิกษุณี (อ่าน 2675 ครั้ง)