ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: คนเมืองในอยุธยา ลาวล้านนาในกรุงศรี  (อ่าน 831 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
คนเมืองในอยุธยา ลาวล้านนาในกรุงศรี
« เมื่อ: กันยายน 26, 2024, 06:10:06 am »
0


ภาพประกอบเนื้อหา ภาพวาดกลุ่มชาติพันธุ์ลาวในดินแดนพม่า (ภาพจาก หนังสือ Voyage d'exploration en Indo-Chine : effectue pendant les annees 1866, 1867 et 1868)


คนเมืองในอยุธยา ลาวล้านนาในกรุงศรี

“ลาวล้านนา” หรือที่พวกเขาเรียกตัวเองว่า “คนเมือง” เป็นอีกหนึ่งเชื้อชาติที่อาศัยอยู่ในกรุงศรีอยุธยามายาวนาน โดยคนเมืองในอยุธยาปรากฏว่าถูกกวาดต้อนลงมาหลายครั้ง หลังจากที่กรุงศรีอยุธยาและล้านนาทำสงครามกันหลายยุคหลายสมัย เช่น สมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 (พงั่ว), สมเด็จพระราเมศวร, สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ, สมเด็จพระไชยราชาธิราช, สมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จพระนารายณ์

ในการกวาดต้อนแต่ละครั้งก็ให้มาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่กรุงศรีอยุธยา เช่น ในสมัยสมเด็จพระไชยราชาธิราช ให้ไปตั้งบ้านเรือนอยู่ในบริเวณย่านตัวเมืองกรุงศรีอยุธยา เพราะความสัมพันธ์ระหว่างสมเด็จพระไชยราชาธิราชกับพระนางจิรประภาเทวีเป็นไปอย่างฉันมิตร หรือในบางสมัยก็กวาดต้อนคนเมืองให้ไปอาศัยอยู่ที่หัวเมือง เช่น ในสมัยสมเด็จพระราเมศวร ให้คนเมืองไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่จันทบุรี สงขลา พัทลุง และนครศรีธรรมราช

คนเมืองในอยุธยา

ชุมชนของคนเมืองที่สำคัญและเป็นศูนย์กลางคือบริเวณวัดบางกะจะ จุดบรรจบแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำป่าสัก ฝั่งตรงข้ามด้านหนึ่งเป็นป้อมเพชร และอีกด้านเป็นวัดพนัญเชิง ซึ่งที่นั่นมีตลาดน้ำบางกะจะ ตลาดน้ำขนาดใหญ่ 1 ใน 4 ของกรุงศรีอยุธยา (ประกอบด้วย ตลาดน้ำบางกะจะ ตลาดปากคลองคูจาม ตลาดปากคลองคูไม้ร้อง และตลาดปากคลองวัดเดิม หรือวัดอโยธยา และพื้นที่รอบศาลเจ้าปุนเถ้ากง)

ดังนั้น จึงปรากฏร่องรอยอิทธิพลศิลปกรรมล้านนาเนื่องในพุทธสถาปัตย์ในสถานที่หลายแห่ง เช่น วัดบางกะจะ วัดนางกุย วัดขุนพรหม วัดสนามชัย วัดแค วัดโพง วัดสังขทา วัดสังขปัตถ์ วัดเกษ ย่านบางช้าง (บ้านสร้าง) และบางส่วนของย่านบางนางอิน วัดพรหมนิวาส ริมคลองเมืองทางทิศเหนือ ซึ่งเดิมมีชื่อว่าวัดขุนยวน (คำว่า ยวน หมายถึง ชาวยวน หรือโยนก อีกชื่อเรียกของลาวล้านนา) แต่สภาพของวัดพรหมนิวาสไม่หลงเหลือร่องรอยศิลปกรรมล้านนาแล้ว



กระบวนแห่พยุหยาตรา สมัยอยุธยาตอนปลาย จิตรกรสมัยร.5 วาดจำลองจากวัดยม จ.พระนครศรีอยุธยา ลงในสมุดข่อย (ภาพจาก “การแต่งกายของไทย”, 2532)


ลาวล้านนาในกรุงศรี

คนเมืองมีบทบาทสำคัญทางการทหาร โดยในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ปรากฏว่ามี “กองทหารลาว” ซึ่งเป็นกองทหารม้ารักษาพระองค์ อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของขุนนางตำแหน่งออกญาลาว มีหน้าที่ตามเสด็จคอยอารักขากษัตริย์หรือพระราชวงศ์เมื่อเสด็จออกนอกพระราชวังหลวง นอกจากกองทหารลาวแล้ว ก็ยังมี “กรมลาวอาสา” หรือ “กองอาสาลาว” ทำหน้าที่เป็นกำลังทหารเหมือนกับกองอาสาชาติอื่น เช่น กองอาสาจาม กองอาสาญี่ปุ่น เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีคนเมืองทำหน้าที่เป็นทหารรักษาวัง ตามที่ เอนเยลเบิร์ต แกมป์เฟอร์ (Engelbert Kaempfer) นายแพทย์ชาวเยอรมันที่เข้ามายังกรุงศรีอยุธยาสมัยสมเด็จพระเพทราชา ได้บรรยายว่า

“….ตามประตูวังและถนนหนทางในพระราชวังเต็มไปด้วยคนเปลือยกายท่อนบน ตามตัวสักสีดำลักษณะเหมือนรูปหมากรุกมียอดแหลมอย่างรูปที่สุสานพระคริสต์ ณ กรุงเยรูซาเลม ลางคนก็สักแต่ที่แขน ลางคนก็สักทั่วตัวจนถึงขา ซึ่งปกปิดด้วยผ้าซึ่งนุ่งตามวิธีพื้นเมือง คนพวกนี้ภาษาโปรตุเกสเรียกว่า บรัสปินตาเดส (Braspintades) เป็นทหารรักษาพระองค์เฝ้าประตูวัง และเป็นฝีพาย ถือกระบองสั้นแทนอาวุธเดินกรายไปกรายมาทั่วบริเวณพระราชวังเหมือนคนขี้เกียจ…”

จากรูปพรรณทหารจากบันทึกของแกมป์เฟอร์ก็บ่งบอกได้ชัดเจนว่าคือคนเมืองนั่นเอง เพราะนิยมสักตามร่างกาย มักเรียกว่า “ลาวพุงดำ” ส่วน “ลาวพุงขาว” คือคนล้าวล้านช้าง ซึ่งไม่นิยมสักอย่างคนเมือง

นอกจากบทบาททางทหารแล้ว คนเมืองยังมีบทบาทในฐานะพ่อค้าอีกด้วย เพราะคนเมืองในอยุธยามีการติดต่อสัมพันธ์กับคนเมืองในแถบเมืองท่าชายฝั่งตะวันออกอย่าง ระยอง จันทบุรี และตราด เพราะเมืองท่าชายทะเลเหล่านี้ก็มีคนเมืองไปตั้งบ้านเรือนอยู่อาศัย และทำมาหากิน จึงทำให้มีคนเมืองจำนวนไม่น้อยที่เดินทางไปมาค้าขายระหว่างกรุงศรีอยุธยากับเมืองท่าชายฝั่งตะวันออก




อ่านเพิ่มเติม :-

    • พม่าศัตรูประจําชาติ (ในอดีต) อยู่ที่ไหนในกรุงศรีอยุธยา
    • เขมรอยุธยา ญาติใกล้ชิดที่ถูกบิดเบือน






ขอขอบคุณ :-
ผู้เขียน : กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม
เผยแพร่ : วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ.2567
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก : เมื่อ 24 กันยายน 2567
website : https://www.silpa-mag.com/history/article_139891
อ้างอิง : กำพล จำาปาพันธ์ และโมโมทาโร่. (2566). Downtown Ayutthaya ต่างชาติต่างภาษาและโลกาภิวัฒน์แรกในสยาม-อุษาเคย์. กรุงเทพฯ : มติชน.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ