.
พระพุทธเจ้า ประทับสีหไสยา เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน“งานพระบรมศพของพระพุทธเจ้า” เป็นอย่างไร จัดถึง 6 วัน.!?มีข้อมูลกล่าวถึง “พระพุทธเจ้า” ว่า… พระองค์ประชวรด้วยโรคเกี่ยวกับลำไส้ และปรินิพพาน ณ เมืองกุสินารา แม้พระพุทธเจ้าจะเป็นศาสดาแห่งพุทธศาสนา ทว่า “งานพระบรมศพของพระพุทธเจ้า” กลับเรียบง่ายและแฝงคำสอนมากมายไว้
งานพระบรมศพของพระพุทธเจ้า…
ในวันปรินิพพาน พระพุทธเจ้าได้เสด็จออกจากเมืองเวสาลี ผ่านหมู่บ้านเล็ก ๆ มากมาย เพื่อไปปรินิพพานที่เมืองปลายทางอย่าง “กุสินารา”
ก่อนจะหมดลมหายใจ พระอานนท์ได้ทูลถามพระศาสดาว่า เมื่อปรินิพพานแล้วจะให้จัดการกับพระสรีระอย่างไร เมื่อพระพุทธเจ้าได้ฟังก็ตรัสว่า…
พระพุทธเจ้า ประทับสีหไสยา เพื่อเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน“ดูก่อนอานนท์! พวกเธอผู้เป็นพระภิกษุบริษัท อย่าขวนขวายเพื่อการบูชาต่อสรีระของเราเลย อานนท์! เราขอเตือนเธอทั้งหลาย จงพยายามทำให้มากในประโยชน์ของเรา (คือทำตนให้พ้นจากกิเลส) จงมีความเพียรเป็นเครื่องแผดเผากิเลสบาปกรรมให้เบาไป มุ่งต่อที่สุดทุกข์โดยเสมอเถิด
อานนท์เอ๋ย! การบูชาสรีระของตถาคต (คำเรียกพระพุทธเจ้า, คำที่พระพุทธเจ้าใช้แทนพระองค์เอง-ผู้เขียน) นั้น มิใช่เป็นกิจเป็นหน้าที่ของภิกษุ แต่เป็นหน้าที่ของฆราวาสเขา พวกราชาพราหมณ์ผู้ศรัทธาในเรามีอยู่เขาจักทำเอง หน้าที่โดยตรงของภิกษุ คือ การรีบทำความเพียรเพื่อถึงที่สุด ทุกข์แล้วจักได้ช่วยผู้อื่นต่อไป”
ภาพวาดพระพุทธเจ้าโดย Abanindranath Tagore ศิลปินชาวอินเดียมีชีวิตในช่วง ค.ศ. 1871-1951จากข้อความนี้…แสดงให้เห็นถึงหน้าที่ของพระสงฆ์ และความไม่ฟุ่มเฟือยของพระพุทธเจ้า
เมื่อพระองค์ปรินิพพาน เหล่ามัลลกษัตริย์ ผู้ครองเมืองกุสินารา ก็เป็นเจ้าภาพจัดแจงห่อพระศพด้วยผ้าขาวและสำลี 500 ชั้น วางพระศพลงในรางเหล็กที่เต็มไปด้วยน้ำมันหอม ทำอยู่ 6 วัน เนื่องจากพระศพเป็นสิ่งที่ควรบูชา เข้าสู่วันที่ 7 ก็นำไปถวายพระเพลิงนอกพระนคร เป็นอันจบงานพระบรมศพของศาสดาแห่งศาสนาพุทธ
อ่านเพิ่มเติม :-
• พระพุทธเจ้าปรินิพพานด้วยโรคอะไร?
• ที่มา “พระพุทธบาท” จากการสร้างสัญลักษณ์แทนพระพุทธเจ้า
• ตำนานความเชื่อเรื่อง “รอยสัก” มาจากอิทธิฤทธิ์ของพระพุทธเจ้าขอขอบคุณ :-
ผู้เขียน : ปดิวลดา บวรศักดิ์
เผยแพร่ : วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ.2567
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก : เมื่อ 19 พฤศจิกายน 2567
website :
https://www.silpa-mag.com/history/article_143346อ้างอิง :
https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:184363