.
พุทธทาสภิกขุ ที่วัดธารน้ำไหล (สวนโมกข์) สุราษฏร์ธานี (ภาพจาก www.buddhadasa.org)พินัยกรรมพุทธทาสภิกขุ เดิมให้ทำ “อสุภ” ปล่อยสังขารเน่ากลางทราย แต่คณะศิษย์ไม่ยอม!
พินัยกรรมพุทธทาสภิกขุ
พระธรรมโกศาจารย์ หรือ “พุทธทาสภิกขุ” แห่งสวนโมกขพลาราม (วัดธารน้ำไหล) เคยบอกคณะศิษย์ว่า หากละสังขารแล้ว ให้จัดการศพของท่านทำเป็น “อสุภ” แต่ศิษย์ไม่อาจรับได้ เรื่องดังกล่าวจึงไม่เกิดขึ้น
พุทธทาสภิกขุมรณภาพเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2536 ขณะอายุ 87 ปี พิธีศพกระทำอย่างเรียบง่าย มีพระครูปลัดศีลวัฒน์ (โพธิ์ จันทสโร) เป็นผู้จัดการงานศพตามที่ท่านมอบหมายไว้ในพินัยกรรม เผาศพในวันที่ 28 กันยายน ปีเดียวกัน ณ เขาพุทธทอง มีท่านปัญญานันทภิกขุ เป็นประธาน มีญาติโยมและคณะศิษย์ร่วมงานจำนวนมาก รวมถึงนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี ก็ไปร่วมงานครั้งนั้นด้วย
ก่อนท่านพุทธทาสจะอาพาธ คณะศิษย์ทั้งพระและฆราวาสได้ร่วมกันสร้างศาลาหน้าจั่วหลังเล็ก ๆ บริเวณหลังศาลาธรรมโฆษณ์ ติดกับกุฏิของท่าน สำหรับตั้งศพหากท่านพุทธทาสละสังขาร และช่วงที่ท่านอาพาธ พระรูปหนึ่งในสำนักยังได้รับคำสั่งให้เอาไม้ “หมากสุก” ไม้ตระกูลเดียวกับตะเคียนทองมาทำโลงศพ
จากคำบอกเล่าของคณะศิษย์ ทั้งศาลาและโลงศพล้วนผ่านความเห็นชอบของท่านพุทธทาสและเป็นไปตามพินัยกรรมสุดท้ายของท่าน
พุทธทาสภิกขุ (ภาพจาก www.buddhadasa.org)พระอาจารย์โพธิ์ พุทธธัมโม ศิษย์รูปสำคัญรูปหนึ่ง เผยว่า
“พินัยกรรมที่ท่านอาจารย์พุทธทาสทำขึ้นนั้นมีการทำมานานประมาณสองเดือนแล้ว ก่อนหน้าที่จะอาพาธ โดยมีพยานรู้เห็นหลายคน
พินัยกรรมฉบับนี้เกิดขึ้นเพราะคณะศิษย์ไปถามท่านก่อนว่า จะทำอย่างไรหากท่านสิ้นบุญไปแล้ว ซึ่งท่านอาจารย์ก็บอกให้ทำอย่างนี้ ๆ และในระหว่างนั้นก็มีคนร่างเป็นหนังสือขึ้นมาแล้วท่านก็เซ็นชื่อกำกับไว้ โดยสั่งให้นำออกมาใช้ก็ต่อเมื่อท่านสิ้นบุญแล้ว… ท่านต้องการให้ทำกันง่าย ๆ หลังจากที่ท่านเสียไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไร ไม่ต้องไปรบกวนคนอื่น”
พระอาจารย์โพธิ์ ยังเล่าต่อไปว่า
“หลายปีมาแล้วท่านต้องการว่า หากถ้าสิ้นบุญแล้วก็ให้เอาสังขารของท่านไปบรรจุไว้ในหลุม แล้วเอาปูนซีเมนต์ฉาบทับไว้ให้หมด ซึ่งความคิดนี้ศิษย์ก็ได้ทำเตรียมไว้โดยเอาถังซีเมนต์ไปตั้งไว้ในศาลาธรรมโฆษณ์ ด้านบนตั้งทับไว้ด้วยพระพุทธรูป
แต่ต่อมาท่านอาจารย์คิดว่าจะมอบศพให้แก่โรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์เอาไปใช้ประโยชน์อีก แต่คณะแพทย์เห็นว่าเป็นการไม่สมควร
ต่อมาท่านอาจารย์จึงเปลี่ยนความคิดโดยจะทำเป็น ‘อสุภ’ คือให้เอาทรายมากองไว้แล้วให้นำศพท่านวางบนทราย เพื่อให้ศิษย์พิจารณาถึงความเปลี่ยนไปของสังขาร แต่เรื่องนี้ศิษย์เห็นว่าท่านอาจารย์หวังดีแต่จะให้มาดูท่านอาจารย์นอนอยู่อย่างนั้นกระทั่งแมลงวันหรือหนอนมากินนั้น คงไม่ไหว คณะศิษย์ไม่ยอม ทว่าท่านอาจารย์ก็ยังพูดว่าสนใจปฏิบัติธรรมมันก็ต้องดูของจริงอย่างนี้ แต่ศิษย์ก็ไม่ยอมอีก”
วันเผาสรีระสังขารท่านพุทธทาส ถ่ายภาพโดย พระมานพ มานิโต
นิทรรศการภาพถ่ายชุด สวนโมกข์ รำลึกวาระวันเยี่ยมสวนโมกข์ 2564 (ภาพจาก เฟซบุ๊ก พุทธทาสภิกขุ)เมื่อการจัดการ “ความตาย” เป็นเรื่องของคนเป็น ท่านพุทธทาสจึงยอมตามที่คณะศิษย์ขอ เป็นที่มาของของพินัยกรรมฉบับสุดท้ายที่เปลี่ยนวิธีใหม่ ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันได้ มีเนื้อหาดังนี้
วัดธารน้ำไหล สวนโมกขพลาราม
อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2536
พระธรรมโกศาจารย์ พุทธทาสภิกขุ อินท์ปัญโญ ทำพินัยกรรมฉบับนี้ เพื่อให้เป็นไปตามพระอริยวินัย ในเรื่องการจัดการศพให้เป็นไปตามธรรมดาที่สุด ดังต่อไปนี้
1. ให้พระครูปลัดศีลวัฒน์ (โพธิ จันทสโร) เป็นผู้จัดการศพของข้าพเจ้า หากพระครูปลัดศรีวัฒน์ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่นี้ได้ ไม่ว่าด้วยเหตุอันใด ให้พระครูปลัดศีลวัฒน์ตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน
2. ให้ละเว้นการขอพระราชทานโกฐ และทำพิธีอย่างอื่นนอกจากที่กำหนดไว้ในพินัยกรรมนี้
3. ให้เก็บศพในโลง ปิดมิดชิด และละเว้นการเปิดดู ละเว้นพิธีรดน้ำศพ ละเว้นการฉีดยาศพ ละเว้นพิธีสวดศพ
4. ให้เผาศพในสามเดือน หรือถ้าจำเป็นก็ไม่เกินหนึ่งปี โดยจัดการอย่างง่ายที่สุด ไม่จัดงานพิธี ให้เผาศพในบริเวณเขาพุทธทอง โดยปักเสาสี่มุมและคาดผ้าขาวเป็นเพดานเท่านั้น มิให้สร้างเป็นลักษณะอื่นยิ่งไปกว่านี้ กระดูกทั้งหมดให้นำไปเก็บไว้ในที่ที่ทำไว้ในศาลาธรรมโฆษณ์แแห่งเดียว และเทซีเมนต์ทับ สำหรับเถ้านั้นให้แบ่งเป็นสามส่วน นำไปโปรยที่ช่องอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ส่วนหนึ่ง ที่ต้นแม่น้ำตาปี เขาสก อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ส่วนหนึ่ง และนำไปเก็บไว้บนเขาประสงค์ อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี อีกส่วนหนึ่ง
5. ให้จัดการศพของข้าพเจ้าตามที่ได้สั่งไว้ในพินัยกรรมนี้ มิให้จัดการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้วนี้
...................
@@@@@@@
ท้ายพินัยกรรมเป็นลายเซ็นของพระธรรมโกศาจารย์ พุทธทาสภิกขุ อินทปัญโญ ร่วมกับพยาน 3 คน และพระที่พิมพ์พินัยกรรมอีก 1 รูป ได้แก่ นายจิตติ ติงศภัทิย์, พ.ต.อ. เสริม พัฒนกำจร, นายแพทย์วิจารณ์ พานิช และพระพรเทพ ฐิตปัญโญ
ส่วนพิธีศพของท่านพุทธทาส ก็เป็นไปตามพินัยกรรมฉบับนี้ทุกประการ
อ่านเพิ่มเติม :-
• อาหารมื้ออร่อยที่สุดของพุทธทาสภิกขุ คืออาหารชนิดใด?
• วาทะพุทธทาส-ทำบุญปีใหม่ต้องไม่งมงาย…ต้องลืมหูลืมตาสว่างไสว แจ่มแจ้งขึ้น
• ทำไม “พุทธทาสภิกขุ” จึงเปรียบพระรัตนตรัยเป็นเสมือนภูเขาหิมาลัย “กั้น” พระนิพพานขอขอบคุณ :-
ผู้เขียน ธนกฤต ก้องเวหา
เผยแพร่ วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2568
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก : เมื่อ 29 กรกฎาคม 2568
website :
https://www.silpa-mag.com/history/article_156228อ้างอิง :-
-สาระสันต์ แสงศรี. พินัยกรรมลับ “พุทธทาส ภิกขุ” : จากโลงหมากสุกถึงสังขารกลางทราย. นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2536.
-หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ – สวนโมกข์กรุงเทพ. วันเผาศพ พุทธทาส 28 ก.ย. 2536. วันที่ 26 กันยายน 2565. จาก
https://www.facebook.com/watch/?v=409685624663956-เมืองคอน.com. พินัยกรรม “กลับคืนสู่ธรรมชาติของท่านพุทธทาส”. วันที่ 1 พฤษภาคม 2555. จาก
https://www.gotonakhon.com/?p=7088