« เมื่อ: ธันวาคม 10, 2025, 10:53:47 am »
0
.
ยถากรรม (บาลีวันละคำ 503)ยถากรรม อ่านว่า ยะ-ถา-กำ
บาลีเขียน “ยถากมฺม” อ่านว่า ยะ-ถา-กำ-มะ (มักใช้รูปเต็มว่า “ยถากมฺมํ” ยะ-ถา-กำ-มัง)
ประกอบด้วย ยถา + กมฺม
“ยถา” เป็นคำจำพวกนิบาต แปลว่า ฉันใด, เหมือน, ตาม
หลักการใช้ “ยถา” :
– ถ้าใช้โดดๆ จะต้องมีข้อความที่มีคำว่า “เอวํ” หรือ “ตถา” มาคู่กัน เหมือนภาษาไทยว่า “ฉันใด” ต้องมี “ฉันนั้น” มารับ
– ถ้าสมาสกับคำอื่น นิยมแปลว่า “ตาม-” เช่น ยถาพลํ (ยะ-ถา-พะ-ลัง) = ตามกำลัง
ในที่นี้ ยถา สมาสกับ กมฺม = ยถากมฺม > ยถากมฺมํ > ยถากรรม จึงแปลว่า “ตามกรรม”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 บอกความหมายไว้ว่า –
“ยถากรรม : ตามบุญตามกรรม, ตามแต่จะเป็นไป”
@@@@@@@
เรามักเข้าใจกันว่า ยถากรรม หมายถึงอะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิด แล้วแต่จะเป็นไป, เรื่อยเปื่อย, เลื่อนลอยไร้จุดหมาย, ตามลมตามแล้ง
ยถากมฺม–ยถากรรม ตามความหมายเดิม มักใช้ในข้อความที่กล่าวถึงคติหลังสิ้นชีวิต เป็นการสอนให้คำนึงถึงความสำคัญของการทำกรรม เช่นว่า
“กุลบุตรนั้น เมื่อเศรษฐีล่วงลับไปแล้ว ก็ได้ตำแหน่งเศรษฐีในเมืองนั้น ดำรงอยู่ตลอดอายุแล้ว ก็ไปตามยถากรรม” = ไปเกิดตามกรรมดีและชั่วที่ตัวได้ทำไว้
“พระราชาดำรงอยู่ในโอวาทของพระโพธิสัตว์ ทำบุญทั้งหลายแล้วไปตามยถากรรม” = ไปเกิดตามกรรมดีที่ได้ทำ
(หลักความจาก พจนานุกรมพุทธศาสน์ฉบับประมวลศัพท์)
@@@@@@@
ยถากรรม จึงไม่ใช่ “ตามแต่จะเป็นไป” แต่หมายถึง “ตามแต่เราจะทำให้เป็นไป”
ยถากรรมไทย : เรื่อยเปื่อยลอยไปตามบุญตามกรรม
ยถากรรมบาลี : ได้ดีได้ชั่วอยู่ที่ตัวเราทำ
(เก็บตกฉกฉวยมาจากคำของพระคุณท่าน อาทิตฺตเมธี ภิกฺขุ ๑๖ ก.ย.๕๖)
ขอบคุณ :
https://dhamtara.com/?p=253230 กันยายน 2013 |
tppattaya2343@gmail.com
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
ยถากรรม “ตามกรรม” ตามปกติใช้ในข้อความที่กล่าวถึงคติหลังสิ้นชีวิต เมื่อเล่าเรื่องอย่างรวบรัด ทำนองเป็นสำนวนแบบในการสอนให้คำนึงถึงการทำกรรม
ส่วนมากใช้ในคัมภีร์ชั้นอรรถกถาลงมา เช่นว่า
“กุลบุตรนั้น เมื่อเศรษฐีล่วงลับไปแล้ว ก็ได้ตำแหน่งเศรษฐีในเมืองนั้น ดำรงอยู่ตลอดอายุแล้ว ก็ไปตามยถากรรม” (คือ ไปเกิดตามกรรมดีและชั่วที่ตัวได้ทำไว้),
“พระราชาตั้งอยู่ในโอวาทของพระโพธิสัตว์ ทำบุญทั้งหลายแล้วไปตามยถากรรม” (คือไปเกิดตามกรรมดีที่ได้ทำ),
ข้อความว่า “ไปตามยถากรรม” นี้ เฉพาะในอรรถกถาชาดกอย่างเดียวก็มีเกือบร้อยแห่ง,
ในพระไตรปิฎก คำนี้แทบไม่ปรากฏที่ใช้ แต่ก็พบบ้างสัก ๒ แห่ง คือในรัฐปาลสูตร (ม.ม. ๑๓/๔๔๙/๔๐๙) และเฉพาะอย่างยิ่งในอัยยิกาสูตร (สํ.ส. ๑๕/๔๐๑/๑๔๒) ที่ว่า
ครั้งหนึ่ง พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้าและกราบทูลว่า พระอัยยิกาซึ่งเป็นที่รักมากของพระองค์ มีพระชนม์ได้ ๑๒๐ พรรษา ได้ทิวงคตเสียแล้ว ถ้าสามารถเอาสิ่งมีค่าสูงใดๆ แลกเอาพระชนม์คืนมาได้ ก็จะทรงทำ
พระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนเกี่ยวกับความจริงของชีวิต และทรงสรุปว่า
“สรรพสัตว์จักม้วยมรณ์ เพราะชีวิตมีความตายเป็นที่สุด ทุกคนจักไปตามกรรม (ยถากรรม) เข้าถึงผลแห่งบุญและบาป คนมีกรรมชั่วไปนรก คนมีกรรมดีไปสุคติ เพราะฉะนั้น พึงทำกรรมดี …” ;
มีบ้างน้อยแห่งที่ใช้ยถากรรมในความหมายอื่น เช่นในข้อความว่า “ได้เงินค่าจ้างทุกวันตามยถากรรม” (คือตามงานที่ตนทำ) ;
ในภาษาไทย ยถากรรม ได้มีความหมายเพี้ยนไปมาก กลายเป็นว่า “แล้วแต่จะเป็นไป, เรื่อยเปื่อย, เลื่อนลอยไร้จุดหมาย, ตามลมตามแล้ง” ซึ่งตรงข้ามกับความหมายที่แท้จริง