ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ปัญหาของสำนักสงฆ์ ปฏิบัติธรรม ในพื้นที่ ป่า  (อ่าน 2508 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

paisalee

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 382
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ชาวบ้านไม่พอใจ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ไล่ที่พระ
วันที่ 21 มี.ค. 2554 )
ศิวดล ดวงจินดา สวท.จันทบุรี
 
ชาวบ้านไม่พอ ใจ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ไล่ที่พระ เมื่อเวลา 11.00น. วันที่19 มีนาคม 2554
     ที่ผ่านมา ตัวแทนชาวบ้านหมู่ที่ 10 ต. ขุนซ่อง อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี นำสื่อมวลชนเข้าตรวจสอบการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเช่น กุฏิ ศาลาปฏิบัติธรรม ภายในธุดงค์สถานปฏิบัติธรรมที่ตั้งอยู่เชิงเขาเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอย ดาว หลังจากเจ้าหน้าที่เข้ามากดดันเร่งรัดการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ อย่างต่อเนื่อง จนชาวบ้านและพระสงฆ์อยู่กันไม่เป็นสุข โดยอ้างว่าสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้ตกการสำรวจจากทางการ ทั้งที่รู้ว่า พระอาจารย์มนัส มนฺตชาโต(มันตะชาโต) เริ่มเข้ามาปฏิบัติธรรมประมาณ 24 ปีแล้ว แม้ว่าชาวบ้าน และพระภิกษุสงฆ์ นำโดยพระอาจารย์มนัส จะช่วยกันขนย้ายอย่างเร็วที่สุดแล้ว แต่สิ่งของจำนวนมาก มีข้อจำกัดเรื่องดินฟ้าอากาศ รวมถึงชาวบ้านต้องทำไร่ทำสวน และต้องคอยเฝ้าระวังช้างป่าที่จะเข้ามากัดกินผลผลิตในช่วงนี้ด้วย
     แต่ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่พยายามนำกำลังเข้ามากดดันตลอดและหลีกเลี่ยงที่จะพูด คุยกับเจ้าอาวาส นายบุญนาค พิมพ์ม่วง คณะกรรมการหมู่บ้าน ม.10 ต.ขุนซ่อง กล่าวว่า พื้นที่เล็กน้อยแห่งนี้พระภิกษุสงฆ์ได้ใช้พึ่งพาความสงบเงียบเพื่อปฏิบัติ ธรรมและโปรดธรรมญาติโยมมานาน ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน มีแต่ช่วยรักษาป่า เมื่อถูกสั่งให้รื้อถอนชาวบ้านและพระสงฆ์ก็พยายามขนย้ายสิ่งของออกมาให้เร็ว ที่สุดแล้ว แต่มีข้อจำกัดเรื่องกำลังคน สภาพอากาศที่มีฝนตกลงมาก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังต้องเตรียมสถานที่ใหม่ที่อยู่ใกล้กันให้พร้อมก่อน เพราะหากไม่สร้างที่พักสงฆ์ หรือที่กันฝนกันแดดชั่วคราวไว้ก่อน ก็จะไม่มีที่เก็บของ และให้พระสงฆ์ได้อาศัยหลบแดดหลบฝน
      จึงอยากให้เจ้าหน้าที่เอาเวลาว่างมาช่วยกันขนของบ้าง เพราะชาวบ้านต้องไปช่วยดูแลช้างป้องกันช้างป่าที่กำลังลงมากินผลผลิต และช่วยกันดูแลรักษาป่าด้วยเพราะที่ผ่านมาเกิด ไฟไหม้ป่าเจ้าหน้าที่ก็ไม่เคยไปช่วยดับไฟ นายแกด จอกทอง ผู้ใหญ่บ้าน ม.10 ต.ขุนซ่อง กล่าวว่า ตั้งแต่พระอาจารย์มนัส มาอยู่ที่นี่ญาติโยมก็ทำบุญปฏิบัติธรรมได้ง่าย ชาวบ้านอุ่นใจอยู่เย็นเป็นสุขเพราะมีที่พึ่งทางใจ นอกจากนี้หลวงพ่อก็ยังช่วยรักษาป่าให้อุดมสมบูรณ์มาตลอดสอนชาวบ้านไม่ให้ตัด ไม้ทำลายป่า เวลามีช้างลงมาก็นำชาวบ้านช่วยดูแล นำเงินไปซื้อสับปะรด และไปปลูกอ้อยปลูกกล้วยไว้ให้ช้างกินในป่า โดยเฉพาะช่วงนี้มีช้างป่าลงมามากถึง 50 – 60 ตัว ถ้าไม่ไปดูแล ช้างก็จะไปสร้างความเสียหายกับไร่ สวนของชาวบ้าน
      นายทองหยุด ว่องธัญญากรณ์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ฝ่ายรักษาความสงบ กล่าวว่า สถานที่ปฏิบัติธรรมนี้ตั้งอยู่มานานแล้ว ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ก็รู้และไม่เคยมีปัญหากัน แต่ตอนนี้อยากจะให้ออกไปทันทีทันใจใน 24 ชั่วโมง ซึ่งไม่สามารถทำได้ แต่พยายามช่วยกันขนของอยู่ทุกวัน พื้นที่รองรับข้างนอกก็ต้องช่วยกันทำด้วย อย่างน้อยควรให้เวลาประมาณ 1 - 2 เดือน และยืนยันว่าไม่ได้ขัดขืน แต่จำเป็นต้องใช้เวลา ชาวบ้านบอกว่าสำหรับพระอาจารย์มนัสเข้ามาธุดงค์ปฏิบัติธรรมตามลำพังตั้งแต่ พ.ศ.2530 แล้ว มีชาวบ้านเข้ามาร่วมพัฒนาและปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงชาวบ้านก็ช่วยกันดูแลป่ามาตลอด เจ้าหน้าที่ก็ทราบดี แต่ถึงวันนี้กลับจะมาขับไล่ให้ออกไปภายใน 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ชาวบ้านยังบอกอีกว่าพื้นที่ในอำเภอแก่งหางแมว ต.ขุนซ่อง อดีตเป็นพื้นที่ของ ผกค. เมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น จึงกังวลว่าชาวบ้านบางส่วนอาจจะออกมาต่อต้านเจ้าหน้าที่ จนทำให้เหตุการณ์บานปลายขึ้นมาเหมือนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้

ขอบคุณที่มา
http://region7.prd.go.th/ewt_news.php?nid=2128&filename=index
บันทึกการเข้า
บุญที่้ข้าพเจ้าได้ทำวันนี้ ขออุทิศให้แก่ บิดาและน้องชายที่ล่วงลับ มารดาที่ยังมีชีวิตอยู่