ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: การอุบัติของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่เรื่อง ง่าย ๆ นะจ๊ะ  (อ่าน 2302 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
พระโพธิสัตว์ที่จะมาเกิด(อุบัติ)เป็นพระพุทธเจ้าในชาติสุดท้ายนั้นจะต้องพิจารณาสิ่ง ๕ สิ่งก่อน

เรียกว่ามหาวิโลกนะ ๕ ประการคือ

๑)กาล แม้ พระโพธิสัตว์จะทรงมีบารมีเต็มเปี่ยมบังเกิดอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิตตลอดเวลา ๕๗โกฏิปี ยิ่งด้วยอีก ๖ ล้านปี แม้เมื่อตรวจดูกาลเมื่อไม่ใช่กาลก็จะไม่บังเกิด ต่อเมื่อเป็นกาลอันควรจึงจะบังเกิด กาลที่ว่านี้คือเมื่อใดอายุของมนุษย์อยู่ในระหว่าง ๑๐๐ ปี ถึง ๑๐๐,๐๐๐ ปี ในระหว่างอายุเท่านี้จึงเรียกว่ากาลอันสมควร เพราะเหตุใด?

ตอบว่า เมื่อใดอายุของ มนุษย์มากกว่าแสนปีขึ้นไป ชาติ (ความเกิด) ชรา(ความแก่) มรณะ(ความตาย)จะไม่ปรากฏเป็นที่ประจักษ์แก่สัตว์ทั้งหลาย ชื่อว่าพระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้าทั้งหลายอันจะทำให้พ้นจากพระไตรลักษณ์ก็ จะไม่มี เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ดังนี้ สัตว์ทั้งหลายก็จะพูดว่า พระพุทธเจ้าตรัสอะไร แล้วไม่สำคัญเพื่อจะฟัง เพื่อจะเชื่อ แต่นั้นก็จะไม่มีการตรัสรู้ เมื่อไม่มีการตรัสรู้ คำสอนก็จะไม่นำสัตว์ออกจากทุกข์ เพราะฉะนั้นจึงกล่าวว่าไม่ใช่กาล

ในกาลเมื่อมนุษย์ถอยลงไปกว่า ๑๐๐ ปีก็ไม่ใช่กาล ถามว่าเพราะเหตุไร? ตอบว่า เพราะ ในกาลนั้นสัตว์ทั้งหลายมีกิเลสหนา(มากๆ) โอวาทที่ให้แก่สัตว์ที่มีกิเลสหนาย่อมไม่ดำรงอยู่ในฐานะเป็นโอวาท(คงตั้ง อยู่เหมือนเป็นคำด่ามั้ง) เหมือนไม้เท้าขีดลงไปในน้ำย่อมหายไปทันที เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่กาล

๒) ทวีป ทรงตรวจดูทวีปทั้ง ๔ ว่าควรจะอุบัติในทวีปใด ทรงเห็นว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายย่อมบังเกิดในชมพูทวีป

๓) ประเทศ ทรงตรวจดูแล้วว่าควรจะบังเกิดในมัชฌิมประเทศ

๔) ตระกูล ทรงตรวจดูว่าในขณะนั้นเขานิยมว่าตระกูลใดประเสริฐ ตระกูลกษัตริย์หรือพราหมณ์ประเสริฐ

๕) พระมารดา ทรง ตรวจดูพระมารดาว่า ธรรมดาพระพุทธมารดาไม่เป็นหญิงเหลาะแหละ ไม่เป็นนักเลงสุรา บำเพ็ญบารมีมาแล้วถึงแสนกัป ตั้งแต่เกิดมามีศีล ๕ ไม่ขาด ก็หญิงเช่นนี้จักเป็นพระมารดาของเราดังนี้.


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 20, 2011, 08:02:07 am โดย patra »
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

patra

  • RDNpromote
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรมรรค
  • *
  • ผลบุญ: +100/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 971
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
อ่านเพิ่มเติมในเรื่องนี้ กันด้วยนะ

“ปัญจมหาวิโลกนะ” และ “๗ สหชาติ” ของพระสมณโคดม

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=520.0

 :s_hi:
บันทึกการเข้า
ข้าพจ้า สนับสนุนการเผยแผ่ พระกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28530
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

ขอบคุณภาพจากwww.trueplookpanya.com/

ผู้เรียบเรียงอยากจะยกตัวอย่างอีกเรื่องให้เห็นในยุคปัจจุบัน เรื่องที่บุคคลเป็นผู้สว่างมาแล้วมีมืดต่อไป คือ

   ได้ยินว่า  การเกิดที่จะได้อย่างยากในยุคปัจจุบันมี ๔ อย่างคือ

   - เกิดมาเป็นมนุษย์ ยากอย่างที่หนึ่ง
   - เกิดมาเป็นมนุษย์ อยู่ในแดนของพุทธศาสนา ยากอันดับสอง
   - เกิดมาเป็นมนุษย์ อยู่ในแดนของพุทธศาสนา และอยู่ในสมัยที่พุทธองค์มีพระชนม์ชีพอยู่  ยากอันดับสาม.
   - เกิดมาเป็นมนุษย์ อยู่ในแดนของพุทธศาสนา  อยู่ในสมัยที่พุทธองค์มีพระชนม์ชีพอยู่  และได้พบพระพุทธองค์ได้ฟังเทศนาจากพุทธองค์  ยากอันดับสี่.

   ในยุคปัจจุบัน  ประเทศไทยเราถือว่า ในอยู่แดนของพุทธศาสนาและเราได้มีโอกาสได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว  ถือว่า เรายังโชคดีที่ยังอยู่ในเกณฑ์การเกิดยาก อันดับสอง  เพราะยังมีหลักธรรมให้ประพฤติปฏิบัติได้  แต่สิ่งที่น่าห่วงก็คือ การศึกษาหลักธรรมในปัจจุบัน มีบางท่านเห็นผิดไปจากความเดิม อันเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย

        เหมือนดั่งคำอาจารย์ที่ว่า จับงูที่หาง จะถูกงูกัดตาย หรือดังความว่า บุคคลเป็นผู้สว่างมาแล้วมีมืดต่อไป  ฉะนี้เป็นต้น

   ฉะนั้น  ภิกษุ อุบาสก อุบาสิกา  ที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนาจึงควรขวนขวายหาความรู้ในหลักธรรม  โดยความสุขุมรอบคอบพิจารณาไตร่ตรอง  ใคร่ครวญ  สอบถาม  เทียบเคียง กับบัณฑิตและครูบาอาจารย์


อ้างอิง
บทความเรื่อง มนุษย์ผู้มีใจสูง
สาราณุกรม พระไตรปิฎก ฉบับประชาชน
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ