พิมพ์

[raponsan]

เลขาฯพระราชวังเผยในหลวงทรงชม "แอ๊ด คาราบาว" เก่งมาก
นำ "พระนาม" มาร้อยเป็นเพลง "ผู้ปิดทองหลังพระ"

เนื่องในวโรกาสเฉลิมฉลองศุภมงคล 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เมืองพัทยาและพสกนิกรชาวไทยที่อาศัยอยู่ในพัทยา  ภายใต้ร่วมพระบรมโพธิสมภารมีความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ จึงได้จัดงาน "ประเทศไทยเป็นที่อยู่สบาย ใต้ร่มโพธิสมภาร" ขึ้น เพื่อให้ชาวไทย และชาวต่างชาติ ทุกหมู่เหล่าได้ร่วมสรรเสริญ และร่วมเฉลิมฉลองฯ อย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งประชาชนสามารถร่วมในการถวายพระพร "กึกก้องพระนาม"

โดยจัดให้มีการเผยแพร่พระนามเต็มของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการแสดงเทคนิคพิเศษ พร้อมทั้งการร่วมขับร้องเพลง และถวายพระพรอย่างพร้อมเพรียงกันของชาวพัทยา กว่า 50,000 คน โดยใช้บทเพลง "ผู้ปิดทองหลังพระ" ประพันธ์เนื้อร้องและทำนองโดย ยืนยง  โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว

การจัดงาน"ประเทศเป็นที่อยู่สบาย ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร" ได้มีการจัดกิจกรรมนับถอยหลัง 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 1-5 ธันวาคม 2554 ณ เซ็นทรัล เฟสติวัล พัทยา บีช จ.ชลบุรี โดยภายในงานแถลงข่าวได้รับเกียรติจากคุณดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง ,คุณอิทธิพล คุณปลื้ม  นายกเมืองพัทยา
 
คุณดิสธร กล่าวถึงเนื้อหาในเพลง "ผู้ปิดทองหลังพระ"  ว่า คนจดพระนามในหลวงได้ยังมีน้อย จึงได้นำพระนามมาเรียบเรียงเป็นเพลงขับร้องโดย "ยืนยง โอภากุล" (แอ๊ด คาราบาว) หลังจากที่พระองค์ทรงได้ฟังและแก้ไขเนื้อเพลงเล็กน้อย
 
คุณดิสธร ยังบอกอีกว่าในหลวงทรงชมผู้ร้องเพลงว่าเก่งมาก ในหลวงทรงตรัสว่า  "แอ๊ดคาราบาว เก่งมากที่นำชื่อเรามาใส่ในเนื้อเพลงได้"

ชมคลิปเพลง "ผู้ปิดทองหลังพระ"

http://www.youtube.com/watch?v=gsKCFpOICqM

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1322492069&grpid=09&catid=no

[raponsan]

เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา ชาวพัทยาร่วมร้องพระนามทึกก้อง

ถือเป็นประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ของชาวเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ที่จะได้ร่วมใจกันถวายความจงรักภักดีและร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา และกว่า 65 ปี ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ทรงงานเพื่อประชาชนคนไทยมาตลอด โดยมิทรงเห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยพระวรกาย

เทศบาลเมืองพัทยา จึงได้ร่วมกับ กระทรวงวัฒนธรรม จัดงาน “ประเทศเป็นที่อยู่สบาย ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร” พร้อมเปิดโครงการร้องเพลงเทิดพระเกียรติ “กึกก้อง ร้องพระนาม” ขึ้นระหว่างวันที่ 1-5 ธ.ค. บริเวณหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยาบีช และแหลมบาลิฮาย (พัทยาใต้) นอกจากนี้ทุกคนจะได้ร่วมเขียนไปรษณียบัตรถวายพระพร โดยสามารถส่งมายังตู้ ป.ณ.109 ป.ณ.บางละมุม ตั้งแต่วันนี้ถึง 25 ธ.ค. 2554

อิทธิพล คุณปลื้ม นายกเทศบาลเมืองพัทยา จ.ชลบุรี กล่าวว่า ชาวพัทยาและชาวไทยที่อาศัยอยู่ในพัทยา มีความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น จึงได้รวมพลังร้อยดวงใจถวายความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคล 5 ธันวาคมของทุก ๆ ปี

สำหรับความพิเศษในปีนี้นอกจากจะมีการจัดแสดงพระราชกรณียกิจผ่านเทคนิคแสง สี เสียง อย่างตระการตา บริเวณแหลมบาลิฮาย ยังมีการจัดทำโครงการ “กึกก้อง ร้องพระนาม” จัดทำภาพยนตร์เพลง “ผู้ปิดทองหลังพระ”

โดยได้รับความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วนในเมืองพัทยามาร่วมกันขับร้องเพลงผู้ปิดทองหลังพระ และทำการบันทึกเป็นภาพยนตร์เพลงออกฉายบริเวณหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยาบีชและในวันที่ 5 ธ.ค. จะมีการเดินขบวนโดยเริ่มตั้งแต่หน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยาบีช ไปแหลมบาลิฮายเพื่อจุดเทียนชัยถวายพระพร

สำหรับเพลง “ผู้ปิดทองหลังพระ” แต่งโดย ยืนยง โอภากุล (แอ๊ด คาราบาว) มีเนื้อหาบอกเล่าถึงเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่ง ที่ตั้งใจทำงานเพื่อคนไทยมาตลอดกว่า 65 ปี เปรียบเสมือนผู้ปิดทองหลังพระ และที่พิเศษกว่านั้นคือ การนำพระนามเต็มของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาประกอบเป็นเนื้อเพลง ซึ่งน้อยคนนักที่จะจดจำพระนามเต็มของพระองค์ได้

และในฐานะผู้แต่งเพลง แอ๊ด-ยืนยง ยอมรับว่า ตอนแรกที่แต่งเนื้อร้องเพลงผู้ปิดทองหลังพระ มีความประหม่าอยู่ไม่น้อย แต่ก็ภาคภูมิใจที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้แต่งเพลงถวายพระองค์ท่าน เพราะเนื้อหาของเพลงดังกล่าวก่อนนำมาขับร้องได้นั้น ต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ให้ทอดพระเนตรเพื่อทรงแนะนำ ในการนี้ทรงปรับแก้ไขบางท่อนบางตอน แต่ความหมายของประโยคไม่ได้ผิดเพี้ยนไปเลย

และนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งทรงมีรับสั่งว่า โปรดเพลงนี้มาก เพราะยังไม่มีบทเพลงใดที่นำพระนามเต็มของพระองค์ว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร มาแต่งเป็นบทเพลง นอกจากนี้ทรงมีพระเมตตาทรงชื่นชมความสามารถของคณะทีมงานด้วย.

ที่มา http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=359&contentID=178452
ขอบคุณภาพจาก http://www.crma.ac.th/