ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: คนไทยใช่กบเฒ่า? เถรวาท vs. ลัทธิอาจารย์ (3)  (อ่าน 2240 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29305
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

คนไทยใช่กบเฒ่า? เถรวาท vs. ลัทธิอาจารย์ (3)
คอลัมน์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต ป.ธ.๙)


เมื่ออยู่ในโลกปลอมๆ มานานมาก บรรดานักศิลปศาสตร์ไทยเลยงงมากเมื่อได้ยินของจริงๆ ของไม่ปลอม เพราะต่างจากของปลอมๆ ที่ตัวเองคุ้นเคยแล้วงมงายมานาน

พระนวกะ
: จบบทความครับ


พระพรหมคุณาภรณ์: ก็ไม่ยาวเท่าไร อยากจะถามท่านที่ฟังก่อน ว่าฟังแล้วท่านมีความรู้สึกหรือความคิดเห็นอย่างไร

แต่การที่จะมีความรู้สึก หรือความคิดเห็น ก็ต้องมีฐาน คือมีความรู้ความเข้าใจว่าเถรวาทคืออะไร จึงจะรู้ว่าเขาเขียนผิดหรือเขียนถูก ถ้าเราไม่รู้เราก็นึกไม่ออกใช่ไหม อันนี้มันกลายเป็นว่าเป็นประโยชน์ขั้นที่หนึ่ง คือมาดูพวกเราเองในฐานะที่ท่านเป็นตัวแทนของพระไทย หรือว่าคนไทยทั่วไป ว่ามีฐานความรู้ในเรื่องเถรวาทที่จะฟังท่านผู้นี้หรือไม่ ฟังแล้วมองเรื่องออกหรือไม่

อยากจะฟังท่านด้วยว่ามีความคิดเห็นอย่างไร รู้สึกอย่างไร ใครอยากจะพูดบ้างไหม นิมนต์ครับ

พระนวกะ
: อันนี้อาจจะยังเป็นความคิดเห็นนะครับ


พระพรหมคุณาภรณ์: ไม่เป็นไร ขั้นความคิดเห็น ตอนนี้ถามความคิดเห็น


พระนวกะ: คือ ผมเข้าใจว่าเถรวาทนี่หลักการสำคัญคือ การรักษาคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าให้ถูกต้องมากที่สุดครับ จึงต้องมีการท่องจำ แต่ว่าเวลาสังคมนำไปใช้ผมเข้าใจว่าสังคมเอาไปใช้แบบผิดๆ ครับ คือที่สังคมไทยบอกว่ามีรากฐานมาจากเถรวาท เป็นการเข้าใจผิดอย่างแรง คือเอาแต่ตัวรูปแบบคือการท่องจำ แต่ไม่เอาตัวเนื้อหาว่าก็คือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

   ดังนั้น จึงยึดติดแต่รูปแบบหรือท่องอย่างเดียว ต้องเชื่อฟังอาจารย์อย่างเดียว ทำให้มันเพี้ยนครับ แล้วนักวิจารณ์เขาวิจารณ์ เขามองเถรวาทในฐานะรูปแบบครับ บางทีเขาจะพูดแบบเหมารวมไป ขอบคุณครับ

พระพรหมคุณาภรณ์: เอาละขอบใจ ใครจะมีความเห็นอะไรก็นิมนต์ แต่อย่าให้ยาวนัก เพราะเวลาของเราน้อย ใครอยากจะพูดอะไรไหมครับ

พระนวกะ: จากการที่ได้อ่านบทความ แล้ว ไปทำการบ้านหาข้อมูล เกี่ยวกับคำว่า "เถรวาท" จากที่มาต่างๆ แล้วถามความคิดเห็นจากอาจารย์ที่สอนทางด้านศาสนา ได้ข้อมูลหลายอย่าง ที่เห็นจุดบอดในการเขียนคอลัมน์นี้ว่ามีข้อมูลหลายอย่างที่มีความผิดพลาด

ถ้ายังไม่แตะเรื่องของเถรวาทการที่เขาเอาข้อมูลการประเมินระดับมหาวิทยาลัยของไทย ก็ผิดพลาด ในที่นี้บอกว่าติดอยู่แค่ครั้งเดียว มีติดมหาวิทยาลัยเดียวตอนการสำรวจครั้งแรก ครั้งที่สองไม่มีมหาวิทยาลัยไทยติดเลย

จากที่ผมได้ถามอาจารย์ที่คณะของผม ถ้าผู้รู้จริงๆ จะบอกได้ว่าการสำรวจจริงๆ มี 2 ครั้ง ครั้งแรกติดมหิดลกับจุฬาฯ ส่วนครั้งที่ 2 เหลือแต่มหิดลอยู่มหาวิทยาลัยเดียว นี่คือข้อมูลก็ผิด ในเรื่องของการใส่ใจกับรูปแบบการแต่งกายอะไรต่างๆ มันมีความสำคัญที่มันต้องให้เกิดความปลอดภัยกับนักศึกษา อันนี้คือผิวเผิน

แต่ว่าพอมาแตะในเรื่องของเถรวาท เขาใช้คำนี้เป็นการเหมาภาพรวมว่าการศึกษาไทยที่เป็นอยู่ทุกวันแบบท่องจำ ใช้กับคำว่า "ระบบ เถรวาท" คือท่องจำคำครู ซึ่งจริงๆ แล้วมันเป็นคำที่ไม่ควรจะมาใช้ในบริบทแบบนี้ มันเป็น การเรียนแบบจำมากกว่า น่าจะใช้บริบทคำอื่นมากกว่านี้ คือ เขาไม่ให้ความหมายของเถรวาทอย่างชัดเจนจริงๆ

ซึ่งตามที่มาเถรวาทจากการที่ได้คุยกับอาจารย์ทั้งสองท่าน ก็บอกว่าในหลักฐานตามพระไตรปิฎกจริงๆ ไม่มีคำว่าเถรวาทปรากฏ คำว่า "เถรวาท" มาปรากฏหลังจากมีการสังคายนามาแล้วเมื่อเกิดแตกเป็นนิกายขึ้นมา ซึ่งคำว่าเถรวาทใช้โดยห่างช่วงกัน ขาดหาย ไม่มีการใช้ต่อเนื่องชัดเจน


ที่มา http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROaWRXUXhNREk0TVRJMU5BPT0=&sectionid=TURNd053PT0=&day=TWpBeE1TMHhNaTB5T0E9PQ==
ขอบคุณภาพจาก http://upload.wikimedia.org/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ