คนไทยใช่กบเฒ่า? เถรวาทvs.ลัทธิอาจารย์(13)
คอลัมน์ พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ.ปยุตฺโต ป.ธ.๙)
สมัยนั้น คำว่า "สมาธิ" ถ้าพูดขึ้นมา คนไทยสมัยใหม่จะเบือนหน้าหรือเหยเก ถ้าใช้คำของคนสมัยนี้ก็เรียกว่าร้องยี้ (แต่สมัยนั้นคำว่า "ยี้" ยังไม่ขึ้นมา) สมาธิ สมถะ วิปัสสนา อะไรพวกนี้ ถูกมองว่าเป็นเรื่องคร่ำครึ เหลวไหล ล้าหลัง ทำนองจะเป็นไสยศาสตร์ ที่คนในยุคนิยมวิทยาศาสตร์เขารังเกียจ
จนกระทั่งมาถึงยุคที่ฝรั่ง โดยเฉพาะอเมริกันหันมาตื่นเรื่องสมาธิ ตื่นศาสนาตะวันออก ตื่นพวก "คุรุ" (Guru) จากอินเดียแดนชมพูทวีป (ที่คนไทยเดี๋ยวนี้เรียกตามฝรั่งกันโก้ไปว่า "กูรู" แต่กลับไม่สนใจคุณครูของตน ที่เป็น "กูรู" คือคุรุ ตัวจริง) นั่นคือ ในช่วงที่ counterculture (วัฒน ธรรมสวนกระแส) ของฝรั่งแรงขึ้น ตั้งแต่ราวปี ๒๕๑๐ เป็นต้นมา
หลังจากนั้น คำว่า สมาธิ สมถะ วิปัสสนา ฯลฯ ก็ค่อยๆ กลายเป็นคำนิยม ชักทำท่าจะโก้ขึ้นมา
แม้แต่วัดต่างๆ ในกรุงเทพฯ คนไทยสมัยใหม่ยุคนั้นก็มองว่าวัดนี่กินเนื้อที่เปลืองไปเปล่าๆ เกะกะ กีดขวาง ทำให้เราสร้างความเจริญไม่ได้ ถ้าไม่มีวัด ก็จะได้สร้างโรงงานอุตสาหกรรม สร้างอาคารพาณิชย์ แล้วจะได้เจริญกันใหญ่
สมัยนั้นคนยังไม่รู้จักเรื่องมลภาวะ เรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม คำเหล่านี้ยังไม่เกิด ยังไม่มี คนยังฝันเพลินกับความเจริญของอุตสาหกรรม ไม่เห็นพิษภัยของมัน (คำว่า "สิ่งแวดล้อม" "มลภาวะ" อะไรพวกนั้น เพิ่งเกิดหลังจากอเมริกันเริ่มตระ หนักปัญหาเหล่านี้เมื่อก้าวเข้าสู่ทศวรรษ 1970s แล้วด้วยความตระหนกก็ขยายความตื่นกลัวไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วในทศวรรษนั้นเอง)
คนไทยตอนนั้นกำลังเขม้นมองแต่ในเรื่องความเจริญแบบฝรั่ง มุ่งหมายใฝ่หาความสะดวกสบายบันเทิงจากผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม แล้วก็เทคโน โลยีจากเมืองนอก (ตอนหลังนี้ จึงกลับมาเห็นคุณค่าของวัดที่ว่า โดยไม่รู้ตัว ไม่ได้ตั้งใจ วัดได้ช่วยรักษาสภาพแวดล้อมไว้ให้แก่กรุงได้บ้าง อย่างน้อยก็พอมีที่โล่งเหลือเป็นปอดให้)
คนไทยไม่รู้ตัวว่าสังคมของตนถูกครอบงำทางความคิด ถูกพัดพาไปในกระแสความเจริญที่ต่อมามีชื่อว่าบริโภคนิยม คนไทยทั้งหมดที่กำลังผจญชะตากรรมร่วมกัน ไม่รู้ทันสภาพความเป็นจริง คนไทยไม่เข้าใจสังคมของตนเอง ไม่เข้าใจกันและกัน หันมาข่มมาค่อนว่าด่ากัน ดังเช่นแนวคิดเศรษฐกิจสมัยใหม่ที่เฟื่องไปตามกระแสนิยมตะวันตก ทำให้มีเสียงกระทบกระแทกเข้ามาในวัดอยู่เรื่อยๆ ว่า พระเณรเป็น "กาฝากสังคม"
เรื่องก็เป็นอย่างนี้แหละ ไปๆ มาๆ คนไทยก็เหินห่างกันไปจนกระทั่งเราแทบไม่รู้เรื่องของตัวเอง เรื่องพุทธศาสนาก็ไม่เข้าใจ มีท่าทีออกไปทางดูถูก เมื่อเป็นกันไปถึงขนาดนี้ จนจะไม่รู้จักพุทธศาสนาแล้ว คนไทยจะรู้ได้อย่างไรว่า อะไรคือเถรวาท หรือว่าเถรวาทคืออะไร
เถรวาทเลือนหาย คนไทยสู่การศึกษาสมัยใหม่
ที่ว่าไม่รู้จักเถรวาทนั้น ไม่ต้องพูดถึงคนไทยทั่วไปที่เป็นชาวบ้านชาวเมือง
แม้แต่พระไทยทั่วไปก็ไม่รู้จักเถรวาทขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROaWRXUXhPVEUyTURFMU5RPT0=ขอบคุณภาพจาก
http://www.watnyanaves.net/