« เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2012, 01:07:22 pm »
0
มหารัตนเจดีย์ฯ...เจดีย์แห่งสามโลก
วันที่ 5 เดือน 5 ปี 2555 ณ จุดที่สามโลกธาตุ สวรรค์ แดนมนุษย์ และบาดาลมาบรรจบ พิธีสมโภชมหารัตนเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุก็เริ่มต้นขึ้น...
สิ่งก่อสร้างทางพระพุทธศาสนาแห่งนี้ริเริ่มโดยหลวงตาอ๋อย หรือที่รู้จักกันในนาม “หลวงตาย่ามแดง” ผู้อุปฐากครูบาอาจารย์พระกรรมฐานสายวัดป่าในภาคอีสาน ทั้งยังเป็นผู้อุทิศตนในการช่วยเหลือผู้คนมากมาย จนราวปี พ.ศ. 2535 หลวงตาอ๋อยพิจารณาแล้วเห็นว่าถึงเวลาที่จะกลับไปโปรดลูกหลานตนเองในบ้านเกิดที่ขอนแก่น
ปี พ.ศ. 2542 หลวงตาอ๋อยระลึกได้ว่ายังมีที่ดินเก่าแก่อยู่แปลงหนึ่งราว 5 ไร่ ที่ ต.พระลับ อ.เมือง จึงได้ว่าจ้างรถแบ๊กโฮมาปรับที่ดินเพื่อเตรียมพื้นที่ไว้ทำเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมส่วนตัว แต่แล้วระหว่างที่กำลังปรับแต่งนั้นเกิดไปขุดเจอพระขรรค์สำริดโบราณเข้า ทำให้หลวงตาอ๋อยฉุกคิดได้ว่าที่ดินแปลงนี้คงไม่ธรรมดาแน่
เมื่อกำหนดจิตดูจึงรู้ด้วยญาณวิถีว่า ผืนแผ่นดินที่ว่านี้เป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งหลวงตาอ๋อยเรียกว่า “แผ่นดินสามโลกธาตุ” จึงดำริให้สร้างวัดขึ้นโดยร่วมกับศิษยานุศิษย์จัดซื้อที่ดินเพิ่มเติมให้เพียงพอเหมาะสมกับการสร้างวัด จนมีที่ดินรวมกว่า 73 ไร่
“หลวงตาบอกให้ผมเป็นคนออกแบบ ตอนนั้นก็ไม่คิดว่าจะออกแบบได้ เพราะไม่เคยออกแบบงานสถาปัตยกรรมแบบนี้มาก่อน หลังจากนั้นก็ลืมไปนานจนอยู่มาวันหนึ่งหลวงตาให้ไปถือศีล ผมเตรียมเสบียงไปเพียบเพราะกลัวว่าจะลำบาก คืนแรกกับวันแรกผ่านไปด้วยการนอนสมาธิ เหมือนกับได้พักผ่อนเต็มที่ พอคืนต่อมาระหว่างที่หลับไปก็รู้สึกตัวเหมือนตื่นขึ้นมา แล้วหลวงตาก็มาชวนให้ไปด้วยกัน” กำธร ศีลอุดมทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนา บริษัท น้อมบุญ จำกัด สถาปนิกโนเนมและโนสกิลล์สำหรับงานออกแบบเจดีย์ บอกเล่า
แรงบันดาลใจที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ที่เหมือนกับฝันและจริงในคืนนั้น หลังจากหลวงตาอ๋อยพาข้ามมิติไปเห็นหมู่ปราสาทขอมที่มีแผนผังซับซ้อน พร้อมกับบอกว่าสถาปนิกที่ใครต่อใครไม่แน่ใจในความสามารถว่าจะออกแบบมหาเจดีย์ได้หรือไม่คนนี้ ในอดีตชาติเคยเป็นผู้ออกแบบปราสาทบายนมาก่อน นับจากวันนั้นงานออกแบบที่ไม่เคยทำและดูจะไม่ถนัดก็เสร็จสมบูรณ์ในเวลาอันรวดเร็ว
องค์พระมหาเจดีย์ซึ่งสื่อความหมายของ “พุทธภาวะ”
ตั้งอยู่ท่ามกลางบึงน้ำล้อมรอบ 4 ทิศ เปรียบเป็นโอฆสสงสารอันสัตว์ทั้งหลายเวียนว่ายตายเกิดอยู่
ปลียอดของพระมหาเจดีย์รูปดอกบัวตูม เป็นส่วนสื่อถึงพุทธภาวะ หมายความว่า ดอกบัวแห่งความรู้แจ้งนี้งอกขึ้นมาจากบึงน้ำแห่งวัฏสงสาร เติบโตขึ้นเพื่อที่จะเบ่งบานสู่เบื้องบน คือ พระนิพพานในที่สุด
ฐานทักษิณาเป็นรูปสี่เหลี่ยมแทนพระอริยสัจ 4 ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
ส่วนเจดีย์ทิศทั้งสี่แทนมหาภูตรูป 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ อันเป็นธาตุองค์ประกอบพื้นฐานของโลก
เป็นที่สถิตของเทวรูปแทนองค์ท้าวจาตุมหาราชิกาทั้ง 4 เทวราชผู้ดูแลมนุษย์ พิทักษ์โลก และพระพุทธศาสนา
โดยทิศใต้ ธาตุดิน เป็นที่สถิตของท้าววิรุฬหก เจ้าแห่งกุมภัณฑ์ ปฐพี และจตุบาท
ทิศเหนือ ธาตุไฟ เป็นที่สถิตของท้าวเวสสุวัณหรือท้าวกุเวร เจ้าแห่งจิตวิญญาณและโชคลาภ
ทิศตะวันออก ธาตุลม เป็นที่สถิตของท้าวธตรฐ เจ้าแห่งคนธรรพ์ เวหา และทวิบาท
และทิศตะวันตก ธาตุน้ำ เป็นที่สถิตของท้าววิรูปักษ์ เจ้าแห่งนาค ห้วงน้ำบาดาลและอปาทิกะฐานชั้นที่ 2 ส่วนประดิษฐานพระประธานเป็นรูป 8 เหลี่ยม หมายถึงมรรคมีองค์ 8 ทางสายกลาง ทางสายตรงอันเป็นแนวปฏิบัติเพื่อเข้าสู่นิพพาน องค์พระเจดีย์ที่ออกแบบให้เป็นวิหารเจดีย์ลักษณะเป็นคัพภวิสัย คือเป็นห้องโถงโล่งทรงระฆังคว่ำ เป็นที่ประดิษฐานพระประธาน พระนีลวรรณโณศีโลทรัพอุดม หรือหลวงปู่เจ้าพระองค์ดำทรงเครื่องจักรพรรดิ หรือที่ผู้คนมักเรียกว่า หลวงปู่ดำ
ความหมายในทางแนวตั้งขององค์มหาเจดีย์นั้น ชั้นล่างสุดเป็นชั้นบาดาล ถัดมาเป็นมนุษย์ภูมิ หมายถึง ชั้นเดียวกับองค์พระเจดีย์ซึ่งทั้งสองชั้นนั้นเป็นชั้นที่ผู้คนจะเข้าไปกราบไหว้และประกอบพิธีทางศาสนาได้
แต่นับตั้งแต่ส่วนหลังคาขึ้นไปนั้นคือชั้นเทวภูมิ โดมใหญ่นั้นมีรูปปั้นเทพนมลอยตัวประจำอยู่ทั้ง 8 ด้าน ที่สันโดมมีพญานาคประคองพุ่มดอกไม้โคมไฟบูชาพระมหาเจดีย์เคียงอยู่ด้วยกัน
ถัดขึ้นไปโดมชั้นพรหม มีกระจกหน้าต่างแต่งด้วยสัญลักษณ์ธรรมวิชัย ซึ่งเป็นรูปธรรม จักรประกอบด้วยเปลวเพลิงสามยอด หมายถึงการหมุนเผยแผ่ไปของรัตนะทั้ง 3 ประการ ขึ้นไปชั้นโดมพระนิพพาน เป็นโดมว่างแทนนิพพานภาวะรูปดวงตาสลักบนกระจกทั้ง 8 ด้าน ก่อนจะถัดขึ้นไปเป็นส่วนยอด รูปดอกบัวนั้นยังสื่อถึงการระลึกถึงและบูชาถึงองค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน พระอรหันต์ผู้สืบส่วนสายปฏิบัติวัดป่าเนื่องมาแต่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ขณะที่ยอดฉัตร 9 ชั้นนั้นสะท้อนความมุ่งหมายที่จะให้พระมหาเจดีย์นี้เป็นมหาบุญถวายแด่พระมหาโพธิสัตว์ ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระภัทรมหาราชผู้เป็นที่รักแห่งปวงชนชาวไทย
“ส่วนใต้พระรัตนเจดีย์ฯซึ่งยังไม่เสร็จสมบูรณ์นั้นจะจัดเป็นห้องแสดงปริศนาธรรม และเราจะมีการให้ความรู้แก่คนที่เข้ามาสักการะเกี่ยวกับ ความหมายที่แฝงอยู่ในมหารัตนเจดีย์ ถึงแม้วันนี้หลวงตาอ๋อยจะไม่อยู่แล้วแต่พวกเราก็จะสานต่อเจตนารมณ์ของท่านต่อไป เพื่อให้มหารัตนเจดีย์ฯเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาอีกทางหนึ่ง” มานะ จิระนภากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้อมบุญ จำกัด บอกเล่า
หลวงตาย่ามแดงของเหล่าศิษยานุศิษย์เคยบอกไว้ว่า “สร้างมหาเจดีย์ไม่ใช่เพื่อตัวเราเอง แต่จะสงเคราะห์ลูกหลาน ให้ลูกหลานได้มีโอกาสสร้างบุญใหญ่กัน ต่อไปจะได้สบาย”
และวันนี้มหารัตนเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุเสร็จสมบูรณ์แล้ว หลังใช้เวลาในการก่อสร้างถึง 7 ปี 7 เดือน แม้ว่าวันนี้จะไม่มีหลวงตาอ๋อย หากแต่มหาเจดีย์แห่งนี้จะยังเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนรุ่นต่อ ๆ ไป เพื่อร่วมกันสืบทอดพระพุทธศาสนาให้คงอยู่เป็นที่พึ่งให้กับมนุษย์ต่อไป.ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
http://www.dailynews.co.th/article/725/114136