จักช่วยตอบให้สำหรับเราๆ จะได้เข้าใจกันยิ่งๆขึ้นไป มิต้องไปหวังให้ใครเข้าใจ นอกจากเรา(ผู้ปฏิบัติ)
ชาติที่จะถาวรวัฒนาจำเป็นต้องอาศัยยึดศาสนาที่ดีเป็นหลัก แม้ศาสนาเล่า ที่จะเจริญรุ่งเรื่องก็ต้องอาศัยชาติที่เป็นอิสระช่วยสนันสนุน ถ้าโลกจะไม่ประพฤติตามธรรม คงตั้งอยู่เป็นอิสระไม่ได้ และธรรมถ้าไม่อาศัยโลกจักเจริญไม่ได้ โลกกับธรรมต้องอิงอาศัยกันฉันใด ชาติกับศาสนาก็ต้องอิงอาศัยกันฉันนั้น แต่สำหรับชาติที่จะตั้งมั่นคงดำรงอิสระภาพอยู่ได้ ก็ต้องอาศัยพระมหากษัตริย์เป็นผู้ดำรงมั่นอยู่ในธรรม(จักเห็นได้จากอดีตของไทยเรา) และมรพระปรีชาสามารถยิ่งในสรรพกรณียกิจน้อยใหญ่เป็นหลัก
เพราะฉนั้น ประเทศที่เจริญแล้วจึงมักมีศาสนาที่ดีเป็นที่เคารพ และมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระคุณธรรมเป็นหลัก ก็แลศาสนาที่ดีนั้น จำต้องมุ่งสอนให้มีความสงบราบคาบ เว้นจากการเบียดเบียนกันเป็นต้น จึงจะเป็นหลักแก่ชาติที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และชาติที่ได้ชื่อว่าสนันสนุนศาสนานั้น ก็ได้แก่ประชาชนจะต้องประพฤติตามหลักนิติธรรมและศาสนาธรรม ตั้งต้นแต่ประพฤติตนให้เป็นคนดี รู้จักกรณีย์อันเป็นหน้าที่ของตน ตลอดถึงผดุงความสามัคคีให้วัฒนา เป็นกำลังเครื่องตั้งมั่นแห่งชาติ ศาสนา พระมหากาํตริย์ และข้อว่าพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของชาตินั้น ก็คือเป็นผู้นำพลเมืองให้ดำเนินในทางที่ดี เป็นเหตุถึงความสงบสวัสดี ตลอดถึงความสมบูรณ์มั่งคั่ง และความสุขสำราญด้วยกำลังพระปรีชาสามารถ
เพราะฉนั้น ชาติ ศสาสนา พระมหากษัตริย์ จึงเป็นสิ่งคัญและพรากจากกันไม่ได้ เช่นเดียวกับพระรัตนตรัย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของพระพุทธศาสนา จะพรากจากกันไม่ได้ ฉะนั้น
อันที่จริง ถ้าเราได้ดูได้ศึกษาจากอดีต จะเห็นได้ว่า ประเทศไทยเรา ตั่งแต่อดีตมานั้น จะมีพระมหากษัตริย์ปกครองมาโดยตลอด มิได้ตกเป็นเมืองขึ้นของใคร และจนถึงปัจจุบันสถาบันนี้ก็ยังคงอยู่ และในอดีตก็จะมีพระคู่บารมี ประจำ ทุกกษัตริย์ทุกการปกครอง ยกตัวอย่าง ก็สมเด็จพุทธจารย์โต ที่ในสมัยนั้น ได้ถูกตามหา ดังเช่นนี้เป็นต้น

ส่วนคำว่า "มัชฌิมา" ขอให้เพิ่มอีกความหมายนึง(ในแบบส่วนตัว) คือ ความสมดุล(เป็นกลาง) ความปกติดี(ไม่เอนเองไปข้องได้ข้างหนึ่ง) ความสมบูรณ์(เห็นได้จากความสมดุลของธรรมชาติ)