เยือน 'วัดโพธิ์ทอง' บางมด กราบไหว้พระครุฑ-พญานาค
สัปดาห์นี้พาไปวัดโพธิ์ทอง บางมด เก่าแก่ยาวนับร้อยกว่าปี วัดแห่งครุฑและพญานาค พร้อมสัมผัสภาพผนังวิหารในโบสถ์
"วัดโพธิ์ทอง" เป็นที่รู้จักแพร่หลาย กว้างไกล ในหมู่ของผู้ตกอยู่ในห้วงแห่งทุกข์ทั้งเรื่องครอบครัว ความรัก การงาน สุขภาพ ครบเครื่องเรื่องทุกข์ที่มนุษย์มักจะวิ่งหาที่พึ่งก่อนคิดช่วยตัวเอง
ประวัติของวัดโพธิ์ทองจากคำบอกเล่า ของ พระอาจารย์วราห์ ผู้เปี่ยมด้วยเมตตา ที่เติบโตมาจากครอบครัวที่เคร่งครัดในศาสนาอิสลาม
วัดโพธิ์ทอง เดิมชื่อ วัดทุ่ง มีอายุเก่าแก่ยาวนับร้อยกว่าปี สันนิษฐานจากคำบอกเล่าของ หลวงพ่อโอภาสี ผู้ทรงคุณวิเศษด้านกสิณไฟ แห่งวัดบางมด ว่า
ในปี พ.ศ. 2498 เรือกสวนละแวกบางมดส่วนใหญ่เป็นที่ครอบครองของคนในตระกูลบุนนาค ซึ่งแบ่งที่ทางละแวกคลองเจ้าคุณให้ชาวเขมรซึ่งอพยพมาได้อาศัยทำไร่ทำสวนเลี้ยงชีพ พอเขมรมาอาศัยจำนวนเพิ่มขึ้น คลองเจ้าคุณก็เลยถูกเปลี่ยนคำเรียกขานเป็น "คลองเขมร"
สภาพปัจจุบันของคลองเขมรดำสนิท และส่งกลิ่นเหม็น ที่ตั้งของวัดโพธิ์ทอง หรือ วัดทุ่ง อยู่ท้ายสวนและที่นาของชาวเขมรมาไกลทีเดียว
ปัจจุบันถ้าจะไปวัดโพธิ์ทองเดินทางเข้ามาทางซอยสุขสวัสดิ์ 26 แล้วขับรถมาตามป้าย ซอยสุขสวัสดิ์ 26 ซึ่งค่อนข้างแคบ แต่ยังพอขับสวนกันไปมาได้แบบเอื้ออาทร
วัดโพธิ์ทอง มีชื่อเป็นที่รู้จักครั้งเมื่อ พระครูวิศิษฏ์วิทยาคม หรือพระอาจารย์วราห์ ปุญญวโร เป็นเจ้าอาวาส เป็นที่รู้กันอย่างกว้างขวางว่า วัตถุมงคลของวัดคือ พระครุฑ จนได้รับการยกย่องว่า เป็นราชาแห่งครุฑ เลยทีเดียว
แม้ก่อนหน้านี้ชื่อเสียงของวัดนี้จะโด่งดังเล่าขานในเรื่องความมหัศจรรย์ของพระยามุจลินทร์นาคราชก็ตาม แต่ก็เป็นเรื่องที่แปลก การสร้างวัตถุมงคลจากรูปสมมุติของพญานาค สำหรับวัดโพธิ์ทองกลับไม่เป็นที่รู้จักมากเท่ากับพระครุฑ

วัดโพธิ์ทอง มีคนพูดถึงและเดินทางมากันมาก แต่น้อยคนนักที่มาถึงวัดนี้แล้วจะเดินเข้าโบสถ์เพื่อสักการะพระพุทธรูปในโบสถ์ กลับไปเข้าแถวรอบัตรคิว เพื่อรับคำบอกเล่าจากพระอาจารย์วราห์ ทั้งที่วัดโพธิ์ทองมีอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เขียนถึงพระราชกรณียกิจของรัชกาลที่ 9 โดยศิลปินแห่งชาติด้านจิตรกรรม
ปัจจุบันกำลังเขียนภาพจิตกรรมประวัติศาสตร์ ภาพเหตุการณ์ในพิธีบรมราชาภิเษกของรัชกาลที่ 10 ภาพจิตรกรรมฝาผนังเหล่านี้สวยงามสมกับเป็นฝีมือของศิลปินแห่งชาติภายในวัดยังมีเรือนไทยเก่าแก่ที่อยู่คู่กับวัด มีเรื่องเล่าของรัชกาลที่ 5 ที่น่าสนใจทั้งเรื่องการเลิกทาสที่ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านภาพวาด และตัวหนังสือ
"ทาสทางกายข้าปลดปล่อยให้เจ้าแล้ว แต่ทาสทางใจเจ้าต้องปลดปล่อยเอง” พระราชดำรัสของรัชกาลที่ 5 ครั้งเมื่อพระองค์ทรงประกาศเลิกทาส เมื่อวันที่ 1 เมษายน ร.ศ.124
ประเทศไทยเคยมีทาสมากที่สุดในสมัยรัชกาลที่ 3 มีจำนวนมากกว่าหนึ่งในสามของพลเมืองทั้งหมด
ในวัดโพธิ์ทอง มีของดีที่พระอาจารย์วราห์ ได้สร้างและบำรุงรักษาไว้เพื่อสืบต่อพระศาสนา และเป็นศูนย์รวมหัวใจของคนทุกชนชั้น รวมไปถึงการสร้างครุฑ เพื่อเปิดโอกาสให้คนทุกคนได้มีไว้บูชา
ครุฑ ที่เป็นสัญลักษณ์ของแผ่นดิน ที่คนไทยทุกคนรัก และหวงแหน
วัดโพธิ์ทอง วัดที่มีทั้งความมหัศจรรย์ของเรื่องเล่าจากปาฏิหารย์ของพญานาคมุจลินทร์ และพญาเวชไชยยันต์ครุฑ
วัดที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมิตรของครุฑและนาค
วัดที่เปิดตำนานหน้าใหม่ว่า ครุฑกับนาคอยู่ร่วมกันได้
วัดที่มีเรื่องราวน่าสนใจผ่านผนังวิหารในโบสถ์ อาทิตย์นี้
ไปเที่ยววัดโพธิ์ทองกันมั้ยคะ
คอลัมน์ : ชำเลืองเมือง โดย “แรมทาง”
ขอบคุณภาพจาก : วัดโพธิทอง บางมด กทม.
ขอบาคุณที่มา :
https://www.dailynews.co.th/article/730449อังคารที่ 10 กันยายน 2562 เวลา 11.00 น.