ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พบ 'พระพุทธรูป..ปางตะเบ๊ะ' 400 ปี  (อ่าน 2423 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29309
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
พบ 'พระพุทธรูป..ปางตะเบ๊ะ' 400 ปี
« เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2012, 08:42:51 pm »
0


พบ 'พระพุทธรูป..ปางตะเบ๊ะ' 400 ปี

ฮือฮาพบพระพุทธรูปปางตะเบ๊ะอายุกว่า 400 ปีที่วัดสนามเหนือปากเกร็ด ร.3 พระราชทานไว้ ผู้ว่าฯนนท์เตรียมผลักดันเป็นแหล่งท่องเที่ยวโบราณสถานแห่งใหม่ นักท่องเที่ยวแห่ปิดทองมีดยักษ์เมืองสุพรรณ

      วันที่ 31 กรกฏาคม  ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านในเขตอำเภอปากเกร็ด จ.นนทบุรีว่า ทางวัดสนามเหนือ หมู่ 3 ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้อัญเชิญพระพุทธรูปปางเกศธาตุหรือที่ชาวบ้านเรียกขานกันง่ายๆว่า ปางตะเบ๊ะ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่แตกต่างจากปางทั่วๆไปที่ได้เคยพบเห็น

       ซึ่งทางวัดได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล่าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 อายุกว่า 400 ปี ออกจากวิหารเก่าเพื่อนำมาเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสเข้ามากราบสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลและมีโอกาสหาชมได้น้อยมาก
 
      ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบยังวัดสนามเหนือทราบว่า เป็นวัดที่ประชาชนทั่วไปนิยมนำรถมาจอดก่อนขึ้นเรือข้ามฟากไปยังเกาะเกร็ด โดยได้พบกับพระอภิเชษฐ์ ถาวรกิจัตโต พระเลขานุการเจ้าอาวาสวัดสนามเหนือ เปิดเผยว่า วัดสนามเหนือแห่งนี้เป็นวัดที่สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา

      เมื่อประมาณ 1 ปีที่ผ่านมาทางวัดได้อัญเชิญพระพุทธรูป"ปางพระเกศธาตุ" หรือที่ชาวบ้านทั่วไปมักชอบเรียกว่า ปางตะเบ๊ะ ซึ่งเป็นความหมายผิด ออกมาจากวิหารเก่าหลังได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล่าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3  อายุกว่า 400  ปี อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่พระอุโบสถหลังใหม่เพื่อให้พุทธศาสนิกชนประชาชนทั่วไป ได้มีโอกาสกราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล และยังได้ชมพระพุทธรูปปางพิเศษที่หาชมได้ยากและไม่ค่อยมีใครได้พบเห็นได้ง่าย ๆ อีกด้วย

 



      พระอภิเชษฐ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้พระพุทธรูปปางเกศธาตุองค์นี้ได้ถูกคนร้ายเข้ามาโจรกรรมไปจากวัดแล้วหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ได้กลับคืนมาสู่วัดมาโดยเสมอ โดยไม่รู้เหตุผลที่คนร้ายนำมาคืนไว้ ทำให้ทางวัดจึงตัดสินใจอัญเชิญจากวิหารเก่ามาประดิษฐานที่โบสถ์หลังใหม่
      เพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสมากราบไหว้ดีกว่านำไปเก็บซุกซ่อนไว้ เนื่องจากภายในโบสถ์หลังใหม่ทางวัดได้ทำการติดกล้องวงจรปิดและมีพระสงฆ์ลงทำวัตรเช้าเย็น จึงน่าจะเป็นการที่ปลอดภัยกว่าไว้ในวิหารเดิม ที่ไม่ค่อยมีผู้คนผ่านไปมา


      พระอภิเชษฐ์ กล่าวต่อว่า สำหรับพระพุทธรูปปางเกศธาตุนั้นเท่าที่สืบทราบประวัติมาพบว่า
     ในประเทศไทยมีเพียง 3 องค์เท่านั้นที่ได้รับพระราชทานจากรัชกาลที่ 3 คือ
         วัดแรกคือวัดบวรนิเวศน์
         วัดที่สองเป็นวัดแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ
         ส่วนวัดสุดท้ายก็เป็นที่วัดสนามเหนือแห่งนี้

     และสันนิฐานว่าพระพุทธรูปปางดังกล่าวถูกสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งต่อมาน่าจะมีผู้นำไปถวายให้กับรัชกาลที่ 3 จนกระทั่งต่อมารัชกาลที่ 3 จึงได้พระราชทานให้กับวัดทั้ง 3 แห่งอีกที
 
      สำหรับประวัติที่มาของพระพุทธรูปปางดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นในสมัยพุทธกาล ซึ่งมีพ่อค้า 3 คนมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา จึงปวารณาตนรับใช้พระพุทธศาสนา ต่อมาเมื่อพ่อค้าทั้ง 3 คนจะเดินทางกลับประเทศศรีลังกา ได้เข้าไปกราบทูลพระพุทธเจ้าว่า อยากได้ตัวแทนของพระพุทธเจ้ากลับไปยังประเทศเพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนา

      แต่พระพุทธเจ้าไม่มีอะไรจะมอบให้พ่อค้าทั้ง 3 คน พระพุทธเจ้าจึงได้ใช้พระหัตถ์ลูบพระเกศา และได้พระเกศามาแปดเส้น จึงประทานให้กับพ่อค้าทั้ง 3 คนไป จากนั้นพ่อค้าทั้ง 3 คน จึงนำพระเกศาของพระพุทธเจ้ากลับไปประดิษฐานที่ประเทศศรีลังกาโดยได้สร้างพระเจดีย์ครอบไว้มาจนถึงปัจจุบัน

      และพระพุทธรูปปางเกศธาตุปางนี้ มีความเชื่อกันว่า ประชาชนที่ประกอบสัมมาชีพทำมาค้าขายเมื่อมาขอพรแล้วจะประสบความสำเร็จ เนื่องจากเป็นปางพระพุทธรูปที่เกิดขึ้นจากกลุ่มพ่อค้าในสมัยพุทธกาล

 



     พระอภิเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาประชาชนทั่วไปไม่ค่อยรู้ว่าที่วัดแห่งนี้มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่หาชมได้ยากอยู่ในวัดแห่ง จึงแค่นำรถมาจอดที่วัดแห่งนี้แล้วเดินไปขึ้นเรือเพื่อข้ามไปแต่เกาะเกร็ดเท่านั้น ซึ่งทางวัดเองก็อยากให้ทางจังหวัดเข้ามาให้การสนับสนุน ปรับปรุงภูมิทัศน์ของวัดแห่งนี้ให้สวยงามเหมือนโบราณสถานของวัดอื่น เพื่อให้ผู้คนที่สนใจเดินทางมาที่วัดมากขึ้น

      ซึ่งจะเป็นการช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวของทางจังหวัดได้อีกที รวมทั้งวิธีการป้องกันไม่ให้พระพุทธรูปถูกโจรกรรมจากคนร้ายได้อีก เพราะในปัจจุบันนี้นอกจากที่วัดสนามเหนือเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ที่เปิดให้ประชาชนได้มีโอกาสเข้ามากราบสักการะอย่างใกล้ชิด

      ส่วนอีก 2 วัดที่เหลือยังไม่ได้เปิดให้สักการะอย่างใกล้ชิด ซึ่งทางวัดสนามเหนือจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้ากราบสักการะได้ทุกวันหยุดเท่านั้น โดยเริ่มเปิดโบสถ์ตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็นเท่านั้น

      ด้านนายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า หลังทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว ทางจังหวัดยินดีที่จะสนับสนุนงบประมาณและผลักดันวัดสนามเหนือ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางพระพุทธศาสนาต่อไป ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเกาะเกร็ดโดยอาศัยลานจอดรถของวัดสนามเหนือ ได้มีโอกาสเข้ากราบไหว้ ขอพรจากพระพุทธรูปปางเกศธาตุสมัยกรุงศรีอยุธยาซึ่งมีอายุกว่า 400 ปีที่หาชมได้ยาก

      ก่อนเดินทางข้ามไปเกาะเกร็ดอีกด้วย ถือเป็นเรื่องอันซีนของจังหวัดเลยก็ว่าได้ ซึ่งหลังจากนี้ทางจังหวัดจะประสานให้ทางสำนักพระพุทธศาสนาเข้าไปดูแลในเรื่องของการรกษาความปลอดภัยให้กับองค์พระ เพื่อเตรียมผลักดันเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันซีนใหม่ของจังหวดนนทบุรีต่อไป


ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.komchadluek.net/detail/20120731/136576/พบพระพุทธรูปปางตะเบ๊ะ400ปี.html#.UBkgn6DjrnU
http://www.numthang.org/,http://www.bloggang.com/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

เสกสรรค์

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 419
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พบ 'พระพุทธรูป..ปางตะเบ๊ะ' 400 ปี
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2012, 12:43:38 pm »
0
ถ้าไม่อ่านรายละเอียด ลงไปนะ ป่วนแน่ งานนี้ อันที่จริงเรียกว่า ปางประทานเกศธาตุ แต่คนไปเรียกว่าว่าปาง ตะเบ๊ะ กันติดปาก เดี๋ยวก็ผิดเพี้ยนเจตนาคนผู้สร้าง

   ดีครับนำเรื่องนีี้มาชี้แจงเป็นประโยชน์กับชาวธรรม ดีครับ

   :c017:
บันทึกการเข้า