การปฏิบัติธรรม "ด้วยการปฏิเสธฌานสมาธิ" จะสำเร็จได้อย่างไร.?
ปฐมฌาน ฌานที่ ๑ปฐมฌาน เป็นฌานที่หนึ่ง ในรูปฌาน ประกอบด้วยองค์ ๕ คือ วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา(พระธรรมปิฎก (ป.อ.อยุตโต), พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม, หน้า ๘๑.)
วิตก มีลักษณะ การคิด การหมายรู้อารมณ์ ความเป็นผู้ตั้งมั่น การนึกตามและการปรารถนาที่ถูกต้อง แม้ปราศจากความเข้าใจ เปรียบได้กับการท่องจำบทสวดมนต์
เช่น ผู้ที่กำลังเจริญปถวีกสิณ ท่องคำว่า ปฐวีๆๆ หรือ ดินๆๆ อยู่ตลอดในขณะที่คิดถึงด้วยความตั้งมั่น
ขณะนั้นชื่อว่า วิตก ได้เกิดขึ้นแล้วแก่ผู้ปฏิบัติ
วิจาร มีลักษณะ การพิจารณา การไตร่ตรอง การผูกพันจิตไว้ในอารมณ์ โดยไม่ให้เกิดความยินดียินร้าย ในอารมณ์ที่เกิดในระหว่างที่พิจารณาอยู่นั้น ทำใจให้เป็นอุเบกขาในอารมณ์ ผู้เจริญปถวีกสิณ ใส่ใจอยู่ในอาการหลายอย่างที่จิตหยั่งเห็นในขณะที่เพ่งปถวีนิมิตอยู่ นี้เรียกว่า วิจารได้เกิดแก่ผู้ปฏิบัติอยู่
เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างวิตกกับวิจาร อุปมาเหมือนการตีระฆัง เสียงที่เกิดขึ้นครั้งแรก เปรียบได้กับวิตก เสียงสะท้อนที่เกิดตามมา เปรียบได้กับวิจาร
อนึ่งเปรียบเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างจิตกับอารมณ์ของจิต(ธรรมารมณ์)
ตอนเริ่มต้นเป็นวิตก ตอนที่เหลือเป็นวิจาร
ความประสงค์ที่จะได้ฌานเป็นวิตก การรักษาฌานไว้เป็นวิจาร
สภาพจิตที่หยาบเป็นวิตก สภาพจิตที่ละเอียดเป็นวิจาร
ที่ใดมีวิตกที่นั่นมีวิจาร ที่ใดมีวิจารไม่จำเป็นต้องมีวิตก (พระอุปติสสเถระ, วิมุตติมรรค. หน้า ๘๖.)

ปีติ ในขณะที่จิตมีความอิ่มเอิบสบายอย่างเหลือเกิน ประกอบด้วยความเย็นสนิท นี้เรียกว่า “ปีติ” เกิดได้จากสาเหตุ ๖ ประการ คือ
๑. เกิดจากราคะ เพราะความชอบ ความหลงและความอิ่มใจที่เกิดจากกิเลส
๒. เกิดจากศรัทธา เพราะความอิ่มใจของบุคคลที่มีศรัทธาอย่างแรงกล้า ต่อสิ่งที่ตนเคารพเชื่อถือ เช่น การได้เห็นพระพุทธเจ้า เป็นต้น
๓. เกิดจากความไม่ดื้อด้าน เพราะเป็นผู้มีจิตบริสุทธิ์ต่อสิ่งต่าง ๆ จนเกิดความอิ่มอกอิ่มใจ
๔. เกิดจากวิเวก ได้แก่ความอิ่มใจของบุคคลผู้ได้ปฐมฌาน
๕. เกิดจากสมาธิ ได้แก่ความอิ่มใจของบุคคลผู้เข้าทุติยฌาน
๖. เกิดจากโพชฌงค์ ได้แก่ความอิ่มใจที่เกิดจากการดำเนินตามโลกุตรมรรคในทุติยฌาน
ปีติ ๕ แสดงถึงปริมาณของปีติที่เกิด ดังนี้
๑. ขุททกาปีติ ปีติทำให้ขนชูชันเล็กน้อย แล้วก็หายไป
๒. ขณิกาปีติ ปีติที่เกิดขึ้นชั่วขณะเหมือนฟ้าแลบแปลบปลาบ
๓. โอกกันติกาปีติ ปีติที่กระทบกายเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง คือ เกิดขึ้นแล้วก็หายไปเกิดขึ้นแล้วก็หายไปอยู่อย่างนั้น
๔. อฺพเพงคาปีติ ปีติที่ซาบซ่านแผ่ไปทั่วร่างกาย เหมือนก้อนเมฆหนาทึบที่เต็มไป
๕. ผรณาปีติ ปิติที่ซาบซ่านแผ่ไปทั่วร่างกาย เหมือนก้อนเมฆหนาทึบที่เต็มไปด้วยฝน
ขุททกาปีติและขณิกาปีติ สามารถเข้าถึงได้ด้วยศรัทธา
โอกกันติกาปีติที่มีมากย่อมทำอุปจารสมาธิให้เกิดขึ้นได้
อุพเพงคาปีติที่ยึดดวงกสิณทำให้เกิดกุศลและอกุศลได้ และขึ้นอยู่กับความชำนาญของผู้เพ่ง
ส่วนผรณาปีติอันบุคคลทำให้เกิดขึ้นในสภาวะแห่งอัปปนาสมาธิเท่านั้น
สุข การประสบกับสิ่งที่ชอบใจคือความสุข มีความสงบเยือกเย็นเป็นปทัฏฐาน(พระอุปติสสเถระ, วิมุตติมรรค. หน้า ๘๖.)
สุข แปลว่า ความสุข หมายถึงความสำราญ ชื่นฉ่ำ คล่องใจ ปราศจากการบีบคั้นหรือรบกวนใด ๆ(พระธรรมปิฎก(ป.อ.ปยุตโต) พุทธธรรม. หน้า ๘๗๓.
เอกัคคตา หมายถึง การที่จิตมีอารมณ์เดียว คือ จิตที่ยึดอยู่กับสิ่งหนึ่งสิ่งใด โดยไม่คิดส่ายไปในอารมณ์อื่นๆเลย แม้ช่วงขณะจิต เช่น จิตอยู่กับปฐวีนิมิต หรืออยู่กับลมหายใจ เป็นต้น เรียกจิต เช่นนั้นว่า จิตเตกัคคตา
ก็เมื่อองค์ ๕ เหล่านี้เกิดขึ้นแล้วย่อมเชื่อว่า ปฐมฌานได้เกิดขึ้นแล้ว
เมื่อสามารถทำปฐมฌานให้เกิดขึ้นได้แล้ว อย่างเพิ่งรีบร้อนทำทุติยฌาน เพราะอาจจะทำให้ปฐมฌานนั้นเสื่อม และก็ไม่อาจทำทุติฌานให้เกิดได้อีกด้วย จะต้องสร้างความชำนาญในปฐมฌานที่ท่านเรียกว่า
วสี ๕ ประการ ให้ชำนาญเสียก่อน ดังนี้
๑. อาวัชชนวสี ความสามารถในการพิจารณาองค์ฌาน ด้วยมโนทวาราวัชชนจิต
๒. สมปัชวสี ความสามารถในการเข้าฌาน
๓. อธิฏฐานวสี ความสามารถในการให้ฌานดำรงอยู่ตามกำหนด
๔. วุฏฐานวสี ความสามารถในการออกฌานตามกำหนด
๕. ปัจจเวกขณวสี ความสามารถในการพิจารณาองค์ฌานด้วยชวนจิต
เมื่อฝึกวสีทั้ง ๕ ประการในปฐมฌานดีแล้วจึงค่อยเริ่มการฝึกเข้าสู่ทุติยฌานต่อไป ดังนี้ทุติยฌาน ฌานที่ ๒ ทุติยฌาน มีองค์ ๓ คือ ปีติ สุข เอกัคคตา(พระธรรมปิฎก(ป.อ.ปยุตโต) พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม. หน้า ๗๑.)
เธอบรรลุทุติยฌานซึ่งมีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น
ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารระงับไป มีแต่ปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิอยู่ (ที.ม. ๑๐/๔๐๒/๒๖๗ มหาจุฬาเตปิกํ ๒๕๐๐.)
จากคำอธิบายข้างต้นที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก ทุติยฌานเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อวิตกและวิจารระงับไป
คงเหลือแต่ปีติ สุข และเอกัคคตา
การเข้าทุติยฌาน ทั้งก่อนและหลังอาหาร ทั้งปฐมยามและปัจฉิมยาม ภิกษุฝึกน้อมนึกการเข้า ความตั้งมั่นการออก และการพิจารณา ตามความปรารถนาของเธอ(ฝึกวสี ๕ ประการนั่นเอง) ถ้าเธอเข้าปฐมฌานและออกปฐมฌานบ่อย ๆ และได้รับความสะดวกในการบำเพ็ญปฐมฌาน เธอย่อมได้รับสุข และทำทุติยฌานให้เกิดขึ้นได้ และก้าวพ้นปฐมฌาน
อนึ่งภิกษุนั้นพึงคิดอย่างนี้ว่า “ปฐมฌานนี้ยังหยาบ ทุติยฌานละเอียด
เธอมองเห็นโทษของปฐมฌานและอานิสงส์ของทุติฌาน
เมื่อน้อมนึกอยู่อย่างนี้ย่อมเห็นโทษของปฐมฌานและอานิสงส์ของทุติยฌาน
ในที่สุดก็จะเข้าสู่ทุติยฌานได้ตามความปรารถนา (พระอุปติสสเถระ วิมุตติมรรค, หน้า ๙๘-๙๙.)
ตติยฌาน ฌานที่ ๓ ตติยฌาน มีองค์ ๒ คือ สุข เอกัคคตา
การเข้าตติยฌาน การเข้าคติยฌานก็ปฏิบัติในทำนองเดียวกับการเข้าทุติยฌาน คือ เมื่อเข้าสู่ทุติยฌานได้แล้วก็ ทำวสี ให้เกิดขึ้นคล่องแคล่วแล้ว จิตก็จะยกขึ้นสู่ตติยฌานได้เอง เมื่อปีติจางหายไปดังพระบาลีว่า
เธอมีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย
เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌานที่พระอริยะเจ้าทั้งหลายสรรเสริญว่า
ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข (ที.ม. ๑๐/๔๐๒/๒๖๗ มหาจุฬาเตปิกํ ๒๕๐๐.)
จตุตถฌาน ฌานที่ ๔ จตุตถฌาน มีองค์ฌานเดียว คือ เอกัคคตา
การเข้าจตุตถฌาน การเข้าจตุตถฌานก็ปฏิบัติในทำนองเดียวกับการเข้าตติยฌาน คือ เมื่อเข้าสู่ตติยฌานได้แล้วก็ทำวสีให้เกิดขึ้นจนคล่องแคล่วแล้ว จิตก็จะยกขึ้นสู่จตุตถฌานได้เอง เพราะจิตที่ปฏิบัติไป ๆก็จะเห็นความหยาบกระด้างของฌานเก่าที่ได้อยู่ ใคร่จะได้ฌานที่ละเอียดประณีตยิ่งๆขึ้นไป ก็จะปล่อยอารมณ์ที่หยาบ(สุข) ไปจับอยู่ในอารมณ์ที่ประณีตยิ่งขึ้น(อุเบกขา) ผู้เข้าสู่จตุตตถฌานจะเป็นดังพระบาลีว่า
เธอบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข
เพราะละสุขและทุกข์ และดับโสมนัส และโทมนัสก่อนๆได้
มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ (ที.ม. ๑๐/๔๐๒/๒๖๗ มหาจุฬาเตปิกํ ๒๕๐๐.)
ฌานทั้ง ๔ เรียกว่า รูปฌาน เพราะยังต้องอาศัยอารมณ์หยาบที่เป็นรูปธรรมเป็นเครื่องเพ่งเพื่อให้เกิดนิมิต โดยเริ่มตั้งแต่ ขณิกสมาธิ จนถึงอัปปนาสมาธิ
เมื่อผู้ปฏิบัติบรรลุฌาน ๔ และเกิดวสีในฌานเหล่านั้น พร้อมทั้งอนุโลมปฏิบัติในฌานทั้ง ๔ จนเกิดความชำนาญ จิตก็อ่อนโยนควรแก่การงานทางจิต พร้อมที่จะนำจิตนั้นไปกระทำกิจต่างๆ เช่น
ทำฌานให้ยิ่งๆขึ้นไป แสดงฤทธิ์ต่างๆ
จนถึงการเจริญวิปัสสนาจนสามารถทำตนให้หลุดพ้นจากอาสวกิเลส
บรรลุอรหัตตผล ซึ่งเป็นเป็นหมายอันสูงสุดในพระพุทธศาสนาได้
(ยังมีต่อ)ขอบคุณบทความและภาพจาก
http://www.thammatipo.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&Category=thammatipocom&thispage=5&No=1195557ผู้แสดงความคิดเห็น Copy เค้ามาอีกทีครับ (Jack-dot-John1234-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2009-07-21 09:48:43 IP : 61.19.88.226
http://gallery.palungjit.com/,http://www.thairath.co.th/,http://www.bloggang.com/,http://upic.me/,http://www.sati99.com/