ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สารพัดเทคนิค เดินทางปลอดภัย  (อ่าน 1215 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29314
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
สารพัดเทคนิค เดินทางปลอดภัย
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2013, 08:00:16 pm »
0


สารพัดเทคนิค เดินทางปลอดภัย

    เรื่องของรถยนต์นั้นความปลอดภัย เป็นเรื่องที่เขียนถึงกันทุกเทศกาล แต่การเกิดการชน ผมเห็นเสมอแม้นอกเวลาเทศกาล ทุกวันนี้รถเยอะ ใครก็โทษรถคันแรก ที่ออกมาป้ายแดง แต่สังเกตุไหมว่า รถแพงๆ ที่เห็นคนขับแต่งตัวดี กลับขับรถแหกกติกา เดินรถบนไหล่ทาง แซงรถขณะอยู่บนสะพานหรือทางร่วมเยอะไป
    บางคนไปต่างจังหวัด ไปเที่ยว ติดนิสัย คนเมือง อ้างเร่งรีบหรือไม่ก็ไม่รู้มารยาท ขับเลนขวา แถมโทรศัพท์อีกต่างๆ หากความจริงแล้วรถทุกคัน ต้องวิ่งเลนซ้ายยกเว้นแซง


    มาถึงเรื่องการเดินทางให้ปลอดภัยไปให้ถึงที่หมาย เราต้องสำรวจ 3 อย่าง คือ 
    รถสมบูรณ์ หมายถึง”พร้อมใช้”
    สอง ต้องไม่บรรทุกเกินน้ำหนัก
    สาม คนขับต้องขับด้วยพฤติกรรมที่ไม่เสี่ยงและมีความรู้เช่น การขึ้นและลงจากที่สูง ต้องใช้เกียร์ต่ำ คนขับต้องใจเย็น ในทางโค้งและ ใช้เทคนิคการชลอความเร็วจากแรงเบรคของเครื่องยนต์ หรือ “เอ็นจิ้น เบรค “ซึ่งช่วยลดภาระการทำงานของระบบเบรคและการใช้เกียร์ต่ำ


    บ่อยครั้งเมื่อเกิดอุบัติเหตุ จะบอกว่า เบรกแตก
    เบรกแตกนี้ไม่ได้หมายความว่า ชิ้นส่วนแตกกระจายแต่รวมความหมายคือเบรคไม่อยู่ กดแป้นไปแล้วมันเฟด (FADE)หรือ รถมันยังเลื่อนเหมือนไม่มีเบรคครับ
    ว่าทำไมมันเป็นเช่นนั้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่า ระบบเบรกมีความร้อนเกินไป
    จากการทำงานต่อเนื่องยาวนานทำให้ จนเบรกร้อน
    ผ้าเบรกคลื่นน้ำมันเบรกเดือดเกิดมีฟองอากาศขึ้น


    บนเขาห้ามใช้การขับแบบ”ครอส ไดร์ฟวิ่ง”หรือการที่ปล่อยให้รถเคลื่อนไปโดยไม่มีการเข้าเกียร์ อย่าคิดว่าประหยัดน้ำมัน เป็นความเข้าใจผิดที่อันตรายร้ายแรงที่สุดประหยัดได้ไม่ถึงสิบบาทแต่เอาชีวิตไปเสี่ยง

    การไปต่างจังหวัดหรือขับรถไปเที่ยว ควรเตรียมการไว้หากเกิดเหตุฉุกเฉิน หรืออุบัติเหตุ เช่น เบอร์ติดต่อประกันภัย หรือเพื่อนฝูงที่พอจะช่วยได้ นอกจากนี้หากเกิดอุบัติเหตุให้ระวังการ การชนซ้ำ

   เมื่อเกิดอุบัติเหตุอย่างแรก คือ ออกมาจากรถ แล้วให้สัญญาณรถคันอื่นๆ ที่ตามมาอย่านั่งคาอยู่ในรถที่เกิดอุบัติเหตุเป็นอันขาดเพราะรถคนที่ตามมานั้นอาจจะมองไม่เห็นว่ารถเราหยุดนิ่งอยู่

   นอกจากนี้ให้ความสำคัญเรื่องสัญญาณไฟมากๆ เมื่อต้องจอดรถนิ่งๆ ในที่ซึ่งไม่ได้จัดไว้ให้จอด หรือจอดรถฉุกเฉินต้องให้สัญญาณ “จอดรถ” โดยใช้ไฟฉุกเฉินหรือ Parking lamp ไฟชนิดนี้จะมีสัญลักษณ์สามเหลี่ยมสีแดงในคอนโซลเมื่อเกิดปุ่ม สัญญาไฟเลี้ยวจะพร้อมใจกระพริบพร้อมๆ กันสองข้างเลย

   ช่วงนี้หน้าหนาว การขับรถในถนนที่หมอกหนาให้ใช้ไฟตัดหมอกช่วย ทั้งหน้าและไฟหลัง  จะทำให้เห็น เส้นกลางถนนหรือเส้นเหลือง เพื่อเป็นไกด์นำทาง  ห้ามใช้ไฟสูงเพราะไฟจะสท้อนหมอกจน มองไม่เห็น บางครั้งผมเห็นมือใหม่เปิดมันทุกดวง ทุกเวลา ศึกษาเสียหน่อย จะได้ประโยชน์จากอุปกรณ์เหล่านั้นและไม่ไปรวบกวน เพื่อนร่วมถนน

"วณัฐสุข สงวนศิริ" ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันอุบัติเหตุผ่านการรับรองจากสถาบัน Smith System Driver Improvement Institute, Texas และผ่านการอบรมหลักสูตร Loss Prevention System ปัจจุบันเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนของ ศูนย์อบรมขับขี่ปลอดภัยaDTC www.thaiadtc.com


ขอบคุณภาพและบทความจาก
www.komchadluek.net/nationzone/292/20130201/79/สารพัดเทคนิคเดินทางปลอดภัยhtml#.UQ-uV_LcAit
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ