พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓ อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต
ปฏิปทาวรรคที่ ๒ [๑๖๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทา ๔ ประการนี้
๔ ประการเป็นไฉน คือ
ทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ปฏิบัติลำบากทั้งรู้ได้ช้า ๑
ทุกขาปฏิปทาขิปปาภิญญา ปฏิบัติลำบากแต่รู้ได้เร็ว ๑
สุขาปฏิปทาทันธาภิญญา ปฏิบัติสะดวกแต่รู้ได้ช้า ๑
สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา ปฏิบัติสะดวกทั้งรู้ได้เร็ว ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทา ๔ ประการนี้แล ฯอ่านเนื้อหาเต็มๆได้ที่
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑ บรรทัดที่ ๔๐๘๓ - ๔๒๙๙. หน้าที่ ๑๗๖ - ๑๘๔. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=21&A=4083&Z=4299&pagebreak=0
หนังสือ "พระไตรปิฎก ฉบับสำหรับประชาชน
ย่อความจากประไตรปิฎกฉบับภาษาบาลี ๔๕ เล่ม" โดยคุณสุชีพ ปุญญานุภาพทรงแสดงปฏิปทา ๔ อย่าง มีชื่อเดียวกัน แต่ต่างใน คือ
๑. ปฏิบัติลำบาก ทั้งรู้ได้ช้า
๒. ปฏิบัติลำบาก แต่รู้ได้เร็ว
๓. ปฏิบัติสะดวก แต่รู้ได้ช้า
๔. ปฏิบัติสะดวก ทั้งรู้ได้เร็ว. ทรงแสดงปฏิปทา ๔ อย่าง มีชื่อเดียวกัน แต่ต่างใน คือ
๑. ปฏิบัติไม่อดทน
๒. ปฏิบัติอดทน
๓. ปฏิบัติข่ม
๔. ปฏิบัติสงบ. พระมหาโมคคัลลานะตอบพระสาริบุตร ว่า ท่านอาศัย การปฏิบัติลำบาก และรู้ได้ช้า มีจิตหลุดพ้นจากอาสวะ.
พระสาริบุตรตอบพระมหาโมคคัลลานะ ว่า ท่านอาศัย การปฏิบัติสะดวก และรู้ได้เร็ว มีจิตหลุดพ้นจากอาสวะ.
พระผู้มีพระภาคทรงแสดงบุคคล ๔ ประเภท คือ
๑. ผู้ต้อง ใช้ความเพียรดับกิเลสได้ในปัจจุบัน
๒. ผู้ต้องใช้ความเพียร ดับกิเลสได้เมื่อสิ้นชีวิตแล้ว
๓. ผู้ไม่ต้องใช้ความเพียร ดับกิเลส ได้ในปัจจุบัน
๔. ผู้ไม่ต้องใช้ความเพียร ดับกิเลสได้เมื่อสิ้นชีวิตแล้ว สองประเภทแรกตรัสอธิบายในทางผู้ปฏิบัติสายวิปัสสนา
สองประเภทหลังตรัสอธิบายในทางผู้ปฏิบัติสายสมถะ
ส่วนที่ดับกิเลสได้ในปัจจุบัน หรือเมื่อตายไปแล้ว
ขึ้นอยู่แก่อินทรีย์ คือ ธรรมอันเป็นใหญ่ มีกำลังแรงหรืออ่อน. พระอานนท์แสดงธรรมแก่ภิกษุทั้งหลายว่า ภิกษุภิกษุณีที่ พยากรณ์การบรรลุความเป็นพระอรหันต์ ( พูดว่าได้บรรลุ )
ในสำนักของเรา ย่อมมีทางเป็นไปได้อย่างใดอย่างหนึ่ง รวม ๔ ทาง คือ
๑.
เจริญวิปัสสนา ( ปัญญาอันเห็นแจ้ง ) มีสมถะเป็นหัวหน้า มรรคเกิดขึ้นเมื่เจริญมรรคก็ละสัญโญชน์ ( กิเลส ที่ร้อยรัดหรือผูกมัด ) ได้ กิเลสพวกอนุสัย ( แฝงตัวหรือนอนอยู่ในสันดาน ) ย่อมไปหมด
๒.
เจริญสมถะ ( ความสงบใจ ) มีวิปัสสนาเป็นหัวหน้า แล้วหมดกิเลส
๓.
เจริญทั้งสมถะและวิปัสสนาคู่กัน แล้วหมดกิเลส
๔.
มีจิตแยกจากความฟุ้งสร้านในธรรม ( วิปัสสนูปกิเลส =เครื่องทำวิปัสสนาให้เศร้าหมอง เช่น สิ่งที่ทำให้หลงเข้าใจผิดมีแสงสว่าง เป็นต้น ) จิตสงบตั้งหมั่น ในภายในมีอารมณ์เป็นหนึ่งแล้วหมดกิเลส.
อ้างอิง
เล่มที่ ๒๑ อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต
(เป็นสุตตันตปิฎก เล่ม ๑๓) หน้า ๔
จตตุถปัณณาสก์ หมวด ๕๐ ที่ ๔
ชื่อกระทู้ หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=1069.msg4572;topicseen#newผมได้แรงบันดาลใจจาก เรื่องทางสายกลาง ที่ผมได้แสดงความเห็นไป
ตามกระทู้ข้างบน และที่ต้อง "ให้เครดิตคุณปองและคุณรักหนอ" ก็เพราะ
การแสดงความเห็นของทั้งสองท่าน ทำให้ผมฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้
เรื่องบางอย่างก็คือ ปฎิปทา ๔ ประการนั่นเอง เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่าการปฏิบัติตามทางสายกลาง(หรือมรรค ๘) ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติเหมือนกัน
ทุกอย่าง เรามีเข็มทิศเหมือนกัน แต่ไม่จำเป็นต้องเดินซ้ำรอยเท้าผู้อื่น
ทุกคนสามารถกำหนดทางของตนเองได้ตามที่ตนเองถนัด
กล่าวโดยสรุปก็คือ ปฏิบัติโดยลำบากก็ได้ ปฏิบัติโดยสะดวกก็ได้หวังว่าทุกท่าน จะมีความเข้าใจทางสายกลางมากขึ้นนะครับ
