อืม ทำให้นึกถึงตอนเป็นเด็กนักเรียน เหมือนกันเนอะ

ภาพจาก
http://www.komchadluek.netนร.เฮ!ศธ.ให้สิทธิไว้ผมตามใจ
เฮ!'ศธ.'เตรียมคลอดกฎกระทรวงว่าด้วยทรงผม เปิดกว้างนร.ชายไว้รองผม ส่วนนักเรียนหญิงเลือกไว้ผมสั้น-ยาวหรือซอยผมได้
15 พ.ค.56 นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ ได้ลงนาม ในร่างกฎกระทรวงกำหนดความประพฤติ การแต่งกาย และแบบทรงผมของนักเรียนนักศึกษา พ.ศ....แล้วเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา และเตรียมนำร่างกฎกระทรวงดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีในเร็ว ๆ นี้
สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ เปิดช่องให้นักเรียนชายไว้ทรงผมรองทรงได้ โดยระบุว่า ให้ “ นักเรียนชายให้ไว้ผมด้านข้างและด้านหลังยาวไม่เลยตีนผมหรือผมรองทรงก็ได้ “พร้อมเปิดช่องให้นักเรียนหญิงไว้เลือกไว้ทรงผมสั้นหรือยาวได้ โดยรุบุว่า “ นักเรียนหญิงให้ไว้ผมสั้นหรือยาวก็ได้ กรณีไว้ยาวก็ให้รวบให้เรียบร้อย” อย่างไรก็ตาม ในร่างเดิม ทั้งนี้ เพราะร่างฉบับเดิม มีข้อความว่า “ห้ามนักเรียนซอยผม “ อยู่ด้วย แต่ รมว.ศึกษาธิการ ให้ปรับแก้ถ้อยคำตัดคำว่า “ ห้ามนักเรียนซอยผม “ ออก โดยให้เหตุผลว่า การที่นักเรียนตัดรองทรงสั้นได้ไม่เลยตีนผมด้านหลัง ก็ถือว่าเป็นการซอยผมเช่นกัน ดังนั้น เมื่อตัดคำว่า ห้ามซอยผมออก ก็เท่ากับว่า นักเรียนหญิงสามารถซอยผมได้ด้วย
นอกจากนั้น รมว.ศึกษาธิการ ยังให้เพิ่มคำว่า “หากนักเรียนมีความจำเป็นต้องไว้ทรงผมแตกต่างจากที่กำหนดเนื่องจากความจำเป็นทาง ศาสนา ประเพณีหรือความจำเป็นอื่นใดก็ให้อยู่ในอำนาจของสถานศึกษานั้นเป็นผู้พิจารณา “ และให้ตัดคำว่า “ โรงเรียนอาจกำหนดแบบทรงผมได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎกระทรวงนี้ โดยให้รับฟังความคิดเห็นและทำประชาพิจารณ์ร่วมกับนักเรียนให้รับความเห็นชอบ จากคณะกรรมการสถานศึกษาก่อน“ ออกไป นั่นหมายความว่า กฎกระทรวงฉบับนี้จะเปิดกว้างให้อิสระกับนักเรียน ขณะที่โรงเรียนไม่มีสิทธิไปกำหนดหลักเกณฑ์ต่างเพิ่มเติม อาทิ เดิมกฎกระทรวงกำหนดว่า เด็กผู้หญิงไว้ผมยาวได้แต่ต้องรวบให้เรียบร้อย แต่บางโรงเรียนกำหนดเพิ่มเติมว่าการรวบให้เรียบร้อย อาจจะหมายถึงการถึงผมเปียอย่างเดียว หรือบางโรงเรียนอาจจะกำหนดว่า ไม่ให้ผมยาวเลยตีนผมไปเกินกว่า 8 นิ้ว เป็นต้น ซึ่งหากตัดถ้อยคำนี้ออก เท่ากับว่าโรงเรียนจะไม่สามารถกำหนดอะไรเพิ่มเติมได้อีกเลย เพราะในร่างกฎกระทรวงไม่ได้ให้อำนาจไว้ ทั้งนี้คาดว่าร่างกฎกระทรวงดังกล่าวจะเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ในวันที่ 21 พ.ค.นี้ ก่อนจะประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ภายในปีการศึกษา 2556 นี้
“การแก้ร่างกฎกระทรวงครั้งนี้ นายพงศ์เทพ เป็นคนขีดฆ่าถ้อยคำ และพิจารณาข้อกฎหมายด้วยตนเอง จึงคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ขณะเดียวกันตอนนี้เปิดเทอมไปแล้ว และมีบางโรงเรียนไล่ให้นักเรียนไปตัดผมใหม่ ดังนั้นนายพงศ์เทพ จึงมอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไปทำความเข้าใจกับผู้บริหารโรงเรียน ว่าขอให้ยึดถือกฎกระทรวง พ.ศ. 2518 เป็นหลัก เพราะกฎกระทรวงดังกล่าวให้เด็กไว้ผมลองทรงได้ ไว้ผมยาวได้ ซึ่งประเด็นส่วนใหญ่ไม่ต่างกับร่างกฎกระทรวงฉบับใหม่ เพียงแต่มีรายละเอียดเพิ่มเติมนิดหน่อย”นางพนิตา กล่าว
อนึ่งร่างกฎกระทรวงกำหนดความประพฤติ ฯ ฉบับใหม่นี้ แบ่งเป็น 3 หมวด ได้แก่ หมวด 1 ความประพฤติ เป็นการกำหนดเรื่องความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา ดังนี้ 1 นักเรียนและนักศึกษาต้องประพฤติตนอยู่ในระเบียบวินัยของสถานศึกษาที่ตนสังกัดอยู่ และต้องไม่ประพฤติตนดังนี้ หนีเรียนหรือออกนอกสถานศึกษาโดยไม่ได้รับอนุญาตในช่วงเวลาเรียน เล่นการพนัน จัดให้มีการเล่นการพนัน หรือมั่วสุมในวงการพนัน พก พาอาวุธ หรือวัตถุอันตราย ซื้อ จำหน่าย แลกเปลี่ยน ให้หรือเสพสุรา เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สิ่งมึนเมา หรือทำให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย ลักทรัพย์ กรรโชกทรัพย์ ข่มขู่ บังคับขืนใจเพื่อเอาทรัพย์สินบุคคลอื่น หรือทำให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย ก่อเหตุทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายผู้อื่น เตรียมการหารือการกระทำใดๆ อันน่าจะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย หรือขัดต่อศีลธรรมอันดีงามของประชาชน แสดงกรรมทาง ชู้สาวซึ่งไม่เหมาะสมในที่สาธารณะ เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี ออกนอกสถานที่พักเวลากลางคืนเพื่อเที่ยวเตร่หรือรวมกลุ่ม อันเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น และโรงเรียนหรือสถานศึกษาอาจกำหนดระเบียบว่าด้วยความประพฤติของนักเรียนและ นักศึกษาได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย่งกับกฎกระทรวงนี้
ปลัดศธ. กล่าวต่อว่า หมวดที่ 2 การแต่งกาย ดังนี้ การแต่งกาย นักเรียนและนักศึกษาต้องแต่งกายให้เหมาะสมกับวัยและสภาพการเป็นนักเรียนและนักศึกษา นักเรียนต้องแต่งกายหรือแต่งเครื่องแบบนักเรียนตามกฎหมายว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน นักศึกษาต้องแต่งกายหรือแต่งเครื่องแบบนักศึกษาตามข้อบังคับหรือระเบียบของสถานศึกษานั้น และนักเรียน นักศึกษาไม่ใช้เครื่องสำอางหรือสิ่งปลอมเพื่อเสริมสวย เว้นแต่กรณีมีความจำเป็น ทั้งนี้ให้อยู่ในดุลพินิจของโรงเรียนหรือสถานศึกษาพิจารณาเป็นกรณีไป และหมวด 3 แบบทรงผม กำหนดให้นักเรียนต้องไว้ทรงผมแบบสุภาพเรียบร้อยเหมาะสมกับกาลเทศะ ดังนี้ 1.นักเรียนชายให้ไว้ผมด้านข้างและด้านหลังยาวไม่เลยตีนผมหรือผมรองทรงก็ได้ 2.นักเรียนหญิงให้ไว้ผมสั้นหรือยาวก็ได้ กรณีไว้ยาวก็ให้รวบให้เรียบร้อย ห้ามนักเรียน ดัดผม ทำสีผม ไว้หนวดเครา หรือทำการอื่นใดที่ไม่เหมาะสมกับสภาพการเป็นนักเรียน
โดยข้อกำหนดดังกล่าวนี้ไม่ใช้บังคับกับนักเรียนในสถานศึกษาที่จัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยและนักศึกษา โดยให้ไว้ทรงผมแบบสุภาพเรียบร้อยเหมาะสมกับกาลเทศะตามข้อบังคับหรือระเบียบของสถานศึกษา หากนักเรียนมีความจำเป็นต้องไว้ทรงผมแตกต่างจากที่กำหนดไว้ เนื่องจากความจำเป็นทางศาสนา ประเพณีหรือความจำเป็นอื่นใด ก็ให้อยู่ในอำนาจของสถานศึกษาเป็นผู้พิจารณา
www.komchadluek.net/detail/20130515/158542/นร.เฮ!ศธ.ให้สิทธิไว้ผมตามใจ.html#.UZNVcMpp5kg