ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ชวนสักการะพุทธปฏิมา '9 ยุค 9 สมัย และ 9 แผ่นดิน'  (อ่าน 1423 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


ชวนสักการะพุทธปฏิมา '9 ยุค 9 สมัย และ 9 แผ่นดิน'

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาด้วยการฟื้นฟูการจัดงาน “วันวิสาขบูชา” ขึ้นเมื่อ พ.ศ.2360 นับเป็นครั้งแรกของกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งแต่เดิมเคยปฏิบัติกันมาเมื่อครั้งกรุงสุโขทัย ก่อนขาดตอนไปตั้งแต่เสียกรุงศรีอยุธยา จนปัจจุบันได้กลายเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ตามมติเอกฉันท์ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ

สำหรับวันวิสาขบูชาซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 บังเกิดเหตุการณ์สำคัญ 3 เหตุการณ์ด้วยกัน คือเป็นวันประสูติ, ตรัสรู้ และปรินิพพานแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชาวพุทธนิยมประกอบพิธีการต่างๆ เช่น ตักบาตร, ฟังพระธรรมเทศนา และเวียนเทียนอย่างพร้อมเพรียงกัน


ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในวันสำคัญทางพระ พุทธศาสนา ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ พร้อมด้วย กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม, จังหวัดนนทบุรี ร่วมกันจัดงาน “วิสาขบูชา มหามงคล ปรุงจิต สร้างปัญญา”ตอน “แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง”
    เชิญชวนชาวพุทธเสริมมงคลบารมีสักการะ
    - พระพุทธปฏิมาแห่งแผ่นดิน 9 ยุค 9 สมัย 9 แผ่นดินองค์จริงที่มีอายุนับพันปี,
    - สักการะพระบรมสารีริกธาตุ จากประเทศศรีลังกา ซึ่งอัญเชิญมาจากวัดญาณนาวาวรวิหาร ประทานโดย พระพรหมวิชรญาณ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดยานนาวา
    - พร้อมสักการะ 9 พระเกจิ อาจารย์ดัง ได้แก่ สมเด็จพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี, หลวงปู่ทวด, หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ, หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ, พระครูวิมลคุณากร (หลวงปู่สุข), ครูบาศรีวิชัย, ท่านพุทธทาสภิกขุ, หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และหลวงพ่อเกษมเขมโก
    ระหว่างนี้ถึงวันที่ 24 พ.ค.2556 ณ เอ็มซีซีฮอลล์ ชั้น 4 ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน




นอกจากไหว้สักการะเสริมมงคลแล้ว ภายในงานยังจัดนิทรรศการเสริมความรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาจากชมพูทวีปสู่สุวรรณ ภูมิ ด้านพุทธศิลป์แบ่งออกเป็น 9 ยุค 9 สมัย และ 9 แผ่นดินด้วยพอสังเขปดังนี้

    ยุคทวารวดี พุทธศตวรรษที่ 8-9 ยุคต้นแห่งพระพุทธศาสนาในไทย พระพุทธรูปส่วนใหญ่นิยมสร้างด้วยสำริดหรือหินจากภูเขา รวมถึงนิยมสร้างรูปสัญลักษณ์ตัวแทน เช่น กงล้อแห่งวัฏสงสาร ลักษณะปฏิมากรรมสำคัญพระพุทธรูปขมวดพระเกศใหญ่ พระพักตร์แบบพระขนงทำเป็นเส้นนูนโค้งติดกันดังรูปปีกกา พระเนตรโปน พระนาสิกแบน พระโอษฐ์ใหญ่,

    ยุคศรีวิชัย พุทธศตวรรษที่ 9-10 พระพุทธรูปนิยมสร้างโดยสำริด, หินทราย และดิน เช่น พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ส่วนพระพิมพ์ส่วนมากทำด้วย “ดินดิบ” นิยมนำอัฐิพระสงฆ์ที่มรณภาพโขลกเคล้ากับดินอัดเข้ากับแม่พิมพ์ แล้วก็ไม่ต้องนำไปเผา จึงเรียกว่า “พระพิมพ์ดินดิบ”

    เข้าสู่พุทธศตวรรษที่ 7-13 ยุคลพบุรี พระพุทธรูปยังคงนิยมทำจากสำริดหรือหินทราย แต่ปฏิมากรรมได้รับอิทธิพลจากขอม ลักษณะพระพุทธรูปสมัยลพบุรีมีหน้าผากกว้าง คางเป็นเหลี่ยม ปากแบะ ริมฝีปากหนา และชอบสร้างพระพุทธรูปนั่งขัดสมาธิปางนาคปรกกันมาก,

    ยุคเชียงแสน ศิลปะในยุคนี้อยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 15-17  พระพุทธรูปส่วนใหญ่นิยมสร้างจากสำริด  มีลักษณะเป็นแบบผู้ชายเต็มตัว อกกว้าง มีกล้ามลักษณะกลม แสดงถึงความบึกบึน กล้าหาญ  สำหรับพระพุทธรูปในยุคนี้ที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน เช่น พระพุทธสิหิงค์ ปางมารวิชัย พุทธศิลป์แบบล้านนา ประดิษฐาน ณ วิหารลายคำ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร จ.เชียงใหม่, ยุคสุโขทัย นับว่าเป็นยุคเจริญรุ่งเรืองสูงสุดของงานศิลป์ เพราะบ้านเมืองปกติสุขปราศจากสงครามประชาชนอยู่ดีกินดี ประติมากรรมพระพุทธรูปมีลักษณะเฉพาะตัวคือ มีหน้ารูปไข่ มีรอยยิ้ม อ่อนช้อยคล้ายผู้หญิง  มองดูเรียวงามไปทั่วทั้งองค์อิ่มเอิบ เช่น พระพุทธชินราช




  ยุคอู่ทอง ราวพุทธศตวรรษที่ 17 -20 ศิลปะที่เกิดจากการรวมกันของศิลปะทวารวดี และอารยธรรมขอม พระพุทธรูป มีลักษณะรูปเหมือนคนธรรมดามาก แสดงความรู้สึกออกมาให้เห็นชัด หน้าดุ ,

  สมัยอยุธยา ราวพุทธศตวรรษที่ 15-18 นับเป็นยุคเฟื่องฟูมากที่สุดเนื่องจากอยุธยามีอายุนานถึง 417 ปี พระพุทธรูปนิยมสร้างด้วยสำริด เช่น หลวงพ่อทองสุขสัมฤทธิ์ปางมารวิชัยทรงเครื่องแบบมหาจักรพรรดิราชาธิราช 

   ส่วนพุทธศิลป์ ยุครัตนโกสินทร์ อายุเริ่มพุทธศตวรรษที่ 19 ในรัชกาลแรกทรงนิยมอัญเชิญพระพุทธรูป จากโบราณสถาน ที่รกร้างจากเมืองอื่นมาเก็บรักษาไว้ เช่น พระศรีศากยมุณี จากวัดมหาธาตุ จ.สุโขทัย มาประดิษฐานไว้ที่โบสถ์วัดสุทัศนเทพวราราม กระทั่งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 มีการผสมผสาน สร้างงานศิลปกรรมระหว่างแบบเดิมของไทยและตะวันตก ทำให้มีลักษณะแปลกตา เช่น พระพุทธสิหิงค์ปฏิมากร พระประธานในอุโบสถวัดราชประดิษฐ์ เป็นต้น

    ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนาและทรงเป็นศาสนูปถัมภก ทรงให้การอุปถัมภ์ทุกศาสนา ด้านพิธีกรรม ได้มีการเปลี่ยนแปลงพระราชพิธีที่เป็นของพระมหากษัตริย์ ให้เป็นพิธีของรัฐบาล เรียกว่า “รัฐพิธี” โดยให้กรม กระทรวงต่าง ๆ เป็นผู้จัดงานส่งเสริมพระพุทธศาสนาช่วงวันวิสาขบูชาทุกปี
    สำหรับพระพุทธรูปสำคัญในรัชกาล เช่น พระพุทธรูป ภปร. พ.ศ.2508 ปางประทานพร ศิลปะเทียบเคียงสมัยสุโขทัย ประดับผ้าทิพย์ด้วยตราพระปรมาภิไธยย่อ ภ.ป.ร. เนื้อสำริดรมดำ หน้าตัก 9 นิ้ว
    พระราชทานภาษิตจารึกฐานด้านหน้าว่า
    “ทยุย ชาติยา ส สมาคุติ สติสญุชานเนน โภชิสิย รกุชนุติ”
    คนชาติไทยจะรักความเป็นไทอยู่ ได้ด้วยมีสติสำนึกอยู่ในความสามัคคี.


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.dailynews.co.th/society/205065
วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม 2556 เวลา 00:00 น.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ