ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไม พระอานนท์เป็นพระโสดาบัน มารถึงครอบงำ ไม่ให้นิมนต์พระพุทธเจ้าอยู่ต่อ  (อ่าน 4103 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 ask1

ทำไม พระอานนท์เป็นพระโสดาบัน มารถึงครอบงำ ไม่ให้นิมนต์พระพุทธเจ้าอยู่ต่อ แสดงว่ามาร ครอบงำพระอานนท์ ได้โดยวิธี ดลใจหรือ อย่างไรคะ

  รู้สึกแปลก ๆ คือ มารดลใจ พระอริยะบุคคล ได้ ใช่หรือไม่คะ

  :c017:
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




     อรรถกถาเจติยสูตร
     คำว่า ตํ นั้น ในคำว่า ยถา ตํ มาเรน ปริยฏฺฐิตจิตฺโต เป็นเพียงคำลงมาแทรกเข้าไว้.
     อธิบายว่า ปุถุชนแม้อื่นใดๆ ที่ถูกมารดลใจ คือถูกมารท่วมทับใจแล้ว
     ไม่พึงอาจเพื่อแทงตลอดได้ฉันใด พระเถระก็ไม่สามารถแทงตลอดฉันนั้นเหมือนกัน.
    จริงอยู่ มารย่อมดลจิตผู้ที่ยังละวิปลาส ๑๒ อย่างไม่ได้หมด.
    ส่วนพระเถระยังละวิปลาส ๔ อย่างไม่ได้ เพราะฉะนั้น มารจึงยังดลใจของท่านได้.


    ถามว่า ก็แล เมื่อมารนั้นจะทำการดลใจ ย่อมทำอะไร.
    ตอบว่า ย่อมแสดงรูปารมณ์ที่น่ากลัวบ้าง ให้ยินอารมณ์คือเสียงบ้าง. จากนั้น สัตว์ทั้งหลายได้เห็นรูปนั้น หรือได้ยินเสียงนั้นแล้วก็ทิ้งสติ เกิดเวียนหน้าขึ้นมา มันสอดมือเข้าปากแล้วบีบหัวใจสัตว์เหล่านั้น สัตว์เหล่านั้นก็ยืนสลบไสล.
    ก็มารนี้สามารถสอดมือเข้าไปในปากของพระเถระเจียวหรือ ก็มันแสดงอารมณ์ที่กลัว
    พระเถระได้เห็นอารมณ์นั้น ก็แทงตลอดแสงแห่งนิมิตไม่ได้
    ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถึงสามครั้ง เพื่ออะไร.
    เพื่อทรงทำให้เพลาโศก ด้วยการยกความผิดขึ้นว่า
    นี่เป็นความกระทำไม่ดีของเธอเอง นี่เป็นความผิดของเธอ
    เมื่อพระเถระทูลอ้อนวอนภายหลังว่า ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าจงทรงดำรงอยู่เถิด พระพุทธเจ้าข้า.

____________________________________________________
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=19&i=1123
ขอบคุณภาพจาก http://file.siam2web.com/




     อรรถกถาอายุสมโอสัชชนสูตร
    บทว่า ตํ ในบทว่า ยถาตํ มาเรน ปริยฏฺฐิตจิตฺโต นี้เป็นเพียงนิบาต
    อธิบายว่า ปุถุชนบางคนแม้อื่น ผู้ถูกมารเข้าดลจิต คือถูกมารครอบงำจิต
    ไม่อาจจะรู้แจ้งได้ ฉันใด พระอานนท์ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ไม่อาจจะรู้แจ้งได้.
    จริงอยู่ มารย่อมครอบงำจิตของผู้ที่ยังละวิปลาสบางอย่างยังไม่ได้.
    ส่วนในบุคคลผู้ยังละวิปลาส ๑๒ อย่างโดยประการทั้งปวงยังไม่ได้ ไม่จำต้องกล่าวถึงเลย.
    เพราะพระเถระละวิปลาส ๔ ยังไม่ได้ ฉะนั้น จิตของท่านจึงถูกมารครอบงำ.
    ถามว่า ก็มารเมื่อจะครอบงำจิตทำอย่างไร?

    ตอบว่า แสดงรูปารมณ์ที่น่ากลัว หรือให้ได้ยินสัททารมณ์ที่น่ากลัว. ต่อแต่นั้น สัตว์ทั้งหลายได้เห็นหรือว่าได้ยินอารมณ์ที่น่ากลัวนั้นแล้ว ปล่อยสติ (ตกตะลึง) อ้าปาก. มารสอดมือเข้าไปทางปากของสัตว์เหล่านั้น แล้วบีบหัวใจ. แต่นั้น สัตว์ก็ถึงวิสัญญีสลบลง.
    ส่วนมารจักสามารถสอดมือเข้าไปทางปากของพระเถระได้อย่างไร แต่แสดงอารมณ์ที่น่ากลัวได้.
    พระเถระครั้นได้เห็นดังนั้นแล้ว จึงไม่รู้แจ้งนิมิตโอภาส.


    พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงทราบอยู่แล เพื่อประโยชน์อะไร จึงตรัสเรียกถึง ๓ ครั้ง?
    คือต่อไปข้างหน้า เพื่อกระทำความเศร้าโศกให้เบาบาง โดยยกโทษขึ้นว่า
    ข้อนั้นเป็นการทำไม่ดีของท่าน ข้อนั้นเป็นความผิดของท่าน
    ในเมื่อท่านอ้อนวอนว่า ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าจงทรงพระชนม์อยู่เถิดพระเจ้าข้า.


    จริงอยู่ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเห็นว่า อานนท์นี้มีใจสนิทในเราอย่างเหลือเกิน ต่อไปข้างหน้า เธอได้ฟังเหตุแผ่นดินไหว และการปลงอายุสังขาร จักอาราธนาให้เราดำรงอยู่ตลอดกาลนาน เมื่อเป็นเช่นนั้น เราจักให้โทษตกลงบนศีรษะของเธอเท่านั้นว่า เพราะอะไร เธอจึงไม่ขอเสียก่อนเล่า.
    ก็เพราะโทษของตน สัตว์ทั้งหลายก็จะไม่เดือดร้อนเช่นนั้น
    เพราะเหตุนั้น ความเศร้าโศกของเธอก็จักเบาบาง.

__________________________________________________
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=127
ขอบคุณภาพจาก https://a248.e.akamai.net/


     ans1 ans1 ans1

     พระอานนท์เป็นเพียงโสดาบัน ไม่ใช่อรหันต์  ยังมีกิเลสอยู่(วิปลาส) จึงถูกมารดลใจได้
      :25: :25: :25: :25:
     
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



วิปัลลาสสูตร

    [๔๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัญญาวิปลาส จิตวิปลาส ทิฐิวิปลาส ๔ ประการนี้
    ๔ ประการเป็นไฉน คือ สัญญาวิปลาส จิตวิปลาส ทิฐิวิปลาส
        ในสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าเที่ยง ๑
        ในสิ่งที่เป็นทุกข์ว่าเป็นสุข ๑
        ในสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่าเป็นตน ๑
        ในสิ่งที่ไม่งามว่างาม ๑
    สัญญาวิปลาส จิตวิปลาส ทิฐิวิปลาส ๔ ประการนี้แล


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัญญาไม่วิปลาส จิตไม่วิปลาส ทิฐิไม่วิปลาส ๔ ประการนี้
    ๔ ประการเป็นไฉน คือ สัญญาไม่วิปลาส จิตไม่วิปลาส ทิฐิไม่วิปลาส
        ในสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าไม่เที่ยง ๑
        ในสิ่งที่เป็นทุกข์ว่าเป็นทุกข์ ๑
        ในสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่าไม่ใช่ตน ๑
        ในสิ่งที่ไม่งามว่าไม่งาม ๑
    สัญญาไม่วิปลาสจิตไม่วิปลาส ทิฐิไม่วิปลาส ๔ ประการนี้แล ฯ

    เหล่าสัตว์ผู้ถูกมิจฉาทิฐิกำจัด มีจิตฟุ้งซ่าน มีความสำคัญผิดมีความสำคัญในสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าเที่ยง สำคัญในสิ่งที่เป็นทุกข์ว่าเป็นสุข สำคัญในสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่าเป็นตน และสำคัญในสิ่งที่ไม่งามว่างาม
    สัตว์คือชนเหล่านั้น ชื่อว่าประกอบแล้วในเครื่องประกอบของมาร ไม่เป็นผู้เกษมจากโยคะ มีปรกติไปสู่ชาติและมรณะ ย่อมไปสู่สงสาร


     ก็ในกาลใด พระพุทธเจ้าทั้งหลายผู้กระทำแสงสว่าง บังเกิดขึ้นในโลก พระพุทธเจ้าเหล่านั้นย่อมประกาศธรรมนี้เป็นเครื่องให้สัตว์ถึงความสงบทุกข์ ชนเหล่านั้น ผู้มีปัญญา ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าเหล่านั้นแล้ว ได้จิตของตน ได้เห็นสิ่งไม่เที่ยงโดยความเป็นของไม่เที่ยง ได้เห็นทุกข์โดยความเป็นทุกข์ ได้เห็นสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่าไม่ใช่ตน ได้เห็นสิ่งที่ไม่งามโดยความเป็นของไม่งามสมาทานสัมมาทิฐิ จึงล่วงทุกข์ทั้งปวงได้ ฯ

     จบสูตรที่ ๙

_________________________________________________
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓ อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑ บรรทัดที่ ๑๔๑๐ - ๑๔๓๓. หน้าที่ ๖๑ - ๖๒
http://www.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=21&A=1410&Z=1433&pagebreak=0
ขอบคุณภาพจาก http://www.phuketdata.net/ , http://www.kammatan.com/




วิปัลลาส หรือ วิปลาส 4 (ความรู้เห็นคลาดเคลื่อน, ความรู้เข้าใจผิดเพี้ยนจากความเป็นจริง)
    วิปลาส มี 3 ระดับ คือ
    1. สัญญาวิปลาส (สัญญาคลาดเคลื่อน, หมายรู้ผิดพลาดจากความเป็นจริง เช่น คนตกใจเห็นเชือกเป็นงู)
    2. จิตตวิปลาส (จิตคลาดเคลื่อน, ความคิดผิดพลาดจากความเป็นจริง เช่น คนบ้าคิดเอาหญ้าเป็นอาหาร)
    3. ทิฏฐิวิปลาส (ทิฏฐิคลาดเคลื่อน, ความเห็นผิดพลาดจากความเป็นจริง โดยเฉพาะเชื่อถือไปตามสัญญาวิปลาส หรือจิตตวิปลาสนั้น เช่น มีสัญญาวิปลาสเห็นเชือกเป็นงู แล้วเกิดทิฏฐิวิปลาส เชื่อหรือลงความเห็นว่าที่บริเวณนั้นมีงูชุม หรือมีจิตตวิลาสว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นต้องมีผู้สร้าง จึงเกิดทิฏฐิวิปลาสว่า แผ่นดินไหวเพราะเทพเจ้าบันดาล)


       วิปลาส 3 ระดับนี้ ที่เป็นพื้นฐาน เป็นไปใน 4 ด้าน คือ
       1. วิปลาสในสิ่งที่ไม่เที่ยง ว่าเที่ยง
       2. วิปลาสในสิ่งที่เป็นทุกข์ ว่าเป็นสุข
       3. วิปลาสในสิ่งที่ไม่เป็นตัวตน ว่าเป็นตัวตน
       4.. วิปลาสในสิ่งที่ไม่งาม ว่างาม

________________________
อ้างอิง : องฺ.จตุกฺก. 21/49/66
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ