ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ผจญธิดามาร  (อ่าน 6822 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ผจญธิดามาร
« เมื่อ: มิถุนายน 28, 2013, 08:03:30 am »
0



ปางห้ามมาร
คอลัมน์ คติ-สัญลักษณ์ โดย ชวพงศ์ ชำนิประศาสน์

พระพุทธรูปปางนี้อยู่ในอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายวางหงายอยู่บนพระเพลา (ตัก) พระหัตถ์ขวายกมือขึ้นป้องเสมอพระอุระ (อก) ฝ่ามือหันออก นิ้วพระหัตถ์เหยียดตรง

พระพุทธรูปปางนี้มีลักษณะคล้ายปาง โปรดอาฬวกยักษ์ หรือปางประทานเอหิภิกขุ และปางโปรดพุทธมารดา ความแตกต่าง จะอยู่ตรงนิ้วพระหัตถ์ขวาที่แตกต่างกัน

พระพุทธรูปปางนี้เป็นลักษณะของพระพุทธรูปที่ต่อจากปางมารผจญที่ได้เคยบรรยายมาแล้ว ซึ่งหมายถึงการประกาศของพระพุทธเจ้าว่าเป็น ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ เป็นผู้พ้นไปจากโลกีย์ อยู่เหนือโลก พ้นจากสังสารวัฏ และการพ้นไปจากสังสารวัฏก็คือ การไม่ข้องแวะอยู่ ผูกพันอยู่ด้วยกิเลสตัณหา





พุทธประวัติที่แต่งขึ้นในยุคคอรรถกถาจารย์ ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังพระพุทธเจ้าหลายปี ได้แต่งเรื่องเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระพุทธเจ้าในลักษณะทางวรรณกรรมว่า หมายถึง หรือการใช้สัญลักษณ์ของนางมารผู้เป็นลูกพญามารที่ไม่อาจจูงใจให้พระพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้เองโดยชอบแล้วให้ข้องเกี่ยวอยู่ในกิเลส 3 ประการ อันได้แก่

   ตัณหา คือ ความอยากอันมีความเกิดอีกเป็นธรรมดา เจือด้วยกำหนัด ด้วยราคะ เพลิดเพลินยิ่งในอารมณ์นั้นๆ
   ราคะ คือ ความใคร่ ความกำหนัด
   อรตี คือ ความยินดีหรือความยินร้าย ความเกลียดชัง หรือความอิจฉาริษยา


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROb1lYQXdOREl6TURZMU5nPT0=&sectionid=TURNeE53PT0=&day=TWpBeE15MHdOaTB5TXc9PQ==
http://board.postjung.com/ , http://file.siam2web.com/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: ผจญธิดามาร
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มิถุนายน 28, 2013, 08:31:16 am »
0


มารธีตุสูตรที่ ๕
ว่าด้วย มารธิดาทั้ง ๓ นางตัณหา นางอรดี นางราคา

      [๕๐๕] ครั้งนั้นแล มารธิดาทั้ง ๓ คือ นางตัณหา นางอรดี นางราคาจึงพากันเข้าไปหาพระยามารถึงที่อยู่ ครั้นแล้วจึงถามพระยามารด้วยคาถาว่า
      ข้าแต่คุณพ่อ คุณพ่อมีความเสียใจด้วยเหตุอะไร หรือเศร้าโศกถึงผู้ชายคนไหน หม่อมฉันจักผูกผู้ชายคนนั้นด้วยบ่วง คือราคะ นำมาถวาย เหมือนบุคคลผูกช้างมาจากป่า ฉะนั้นชายนั้นจักตกอยู่ในอำนาจของคุณพ่อ ฯ

      [๕๐๖] พระยามารกล่าวว่า
      ชายนั้นเป็นพระอรหันต์ผู้ดำเนินไปดีแล้วในโลก ไม่เป็นผู้อันใครๆ พึงนำมาด้วยราคะได้ง่ายๆ ก้าวล่วงบ่วงมารไปแล้ว เพราะฉะนั้น เราจึงเศร้าโศกมาก ฯ

       [๕๐๗] ครั้งนั้นแล มารธิดา คือ นางตัณหา นางอรดี นางราคา จึงพากันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้วกราบทูลพระผู้มีพระภาคอย่างนี้ว่า
       ข้าแต่พระสมณะ พวกหม่อมฉันจักขอบำเรอพระบาทของพระองค์ ฯ
       ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคมิได้ทรงใส่พระทัยถึงคำของนางมารธิดาเหล่านั้น เพราะพระองค์ทรงน้อมพระทัยไปในความสิ้นอุปธิกิเลสอย่างยอดเยี่ยม ฯ......ฯลฯ.........


     


       [๕๑๔] ลำดับนั้น มารธิดา คือ นางตัณหา นางอรดี นางราคา พากันหลีกไป ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว จึงพูดกันว่า เรื่องนี้จริงดังบิดาของเราได้พูดไว้ว่า
       ชายนั้นเป็นพระอรหันต์ ผู้ดำเนินไปดีแล้วในโลก ไม่เป็นผู้อันใครๆ พึงนำมาด้วยราคะได้ง่ายๆ ก้าวล่วงบ่วงมารไปได้แล้ว เพราะฉะนั้น เราจึงเศร้าโศกมาก ฯ

       ก็ถ้าพวกเราพึงเล้าโลมสมณะหรือพราหมณ์คนใดที่ยังไม่หมดราคะ ด้วยความพยายามอย่างนี้ หทัยของสมณะหรือพราหมณ์คนนั้นพึงแตก หรือโลหิตอุ่นพึงพลุ่งออกจากปาก หรือพึงถึงกับเป็นบ้า หรือถึงความมีจิตฟุ้งซ่าน (จิตลอย)เหมือนอย่างไม้อ้อสดอันลมพัดขาดแล้ว ย่อมหงอยเหงาเหี่ยวแห้งไป แม้ฉันใดสมณะหรือพราหมณ์นั้นพึงซูบซีดเหี่ยวแห้งไป ฉันนั้นเหมือนกัน ฯ

       ครั้นแล้ว นางตัณหา นางอรดี นางราคา พากันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ แล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ......ฯลฯ.........




      [๕๑๗] ลำดับนั้น นางอรดีมารธิดาได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า
      ภิกษุในพระศาสนานี้ มีปรกติอยู่ด้วยธรรมเป็นเครื่องอยู่อย่างไหนมาก จึงข้ามโอฆะทั้ง ๕ แล้ว
      เวลานี้ได้ข้ามโอฆะที่ ๖ แล้ว กามสัญญาทั้งหลายย่อมห้อมล้อมไม่ได้ซึ่งบุคคลผู้เพ่งฌานอย่างไหนมาก ฯ

      [๕๑๘] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
      บุคคลมีกายอันสงบแล้ว มีจิตหลุดพ้นดีแล้ว เป็นผู้ไม่มีอะไรๆ เป็นเครื่องปรุงแต่ง
      มีสติ ไม่มีความอาลัย ได้รู้ทั่วซึ่งธรรม มีปรกติเพ่งอยู่ด้วยฌานที่ ๔ อันหาวิตกมิได้
      ย่อมไม่กำเริบ ไม่ซ่านไป ไม่เป็นผู้ย่อท้อ ฯ

      ภิกษุในศาสนานี้ เป็นผู้มีปรกติอยู่ด้วยธรรมเป็นเครื่องอยู่อย่างนี้มาก จึงข้ามโอฆะทั้ง ๕ ได้แล้ว
      บัดนี้ได้ข้ามโอฆะที่ ๖ แล้ว กามสัญญาทั้งหลายย่อมห้อมล้อมไม่ได้ ซึ่งภิกษุผู้เพ่งฌานอย่างนี้มาก ฯ
      ......ฯลฯ.........

____________________________________________________
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ บรรทัดที่ ๔๐๑๐ - ๔๑๓๖. หน้าที่ ๑๗๔ - ๑๗๙.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=15&A=4010&Z=4136&pagebreak=0             
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=15&i=505
ขอบคุณภาพจาก http://www.84000.org/ , http://3.bp.blogspot.com/ , http://download.buddha-thushaveiheard.com/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ผจญธิดามาร
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มิถุนายน 28, 2013, 10:53:51 am »
0
 st11 st12 thk56
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ