ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ความมั่นคงของพุทธศาสนาขึ้นอยู่กับ "ความศรัทธาที่ประกอบด้วยปัญญา"  (อ่าน 1452 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29398
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


ความมั่นคงของพระพุทธศาสนาขึ้นอยู่กับ
ความศรัทธาที่ประกอบด้วยปัญญาของพุทธศาสนิกชน
โดย ทวีศักดิ์  อุ่นจิตติกุล

แม้ว่าประเทศไทยมีพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติมายาวนานกว่า  700 ปี นับตั้งแต่เมืองสุโขทัยเป็นราชธานีเมื่อปี พ.ศ. 1811  มีประชากรกว่าร้อยละ 95 หรือกว่า 60 ล้านคน ในปัจจุบันที่นับถือพุทธ มีการเรียนความรู้พระพุทธศาสนาในวิชาสังคมศึกษาตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 

แต่กระนั้นก็ตามพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไปก็ยังขาดความรู้และความเข้าใจในพระพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง  จะเห็นได้จากการเป็นผู้งมงายในไสยศาสตร์ เชื่อถือโชคลางของขลัง ตื่นมงคลที่เชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์  ซึ่งล้วนแต่ขัดต่อคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น 

อีกทั้งการบูชาในพระพุทธศาสนาก็ให้ความสำคัญกับอามิสบูชามากกว่าปฎิบัติบูชา กล่าวคือให้ความสำคัญกับการบูชาทางพระพุทธศาสนาด้วยวัตถุสิ่งของต่างๆ มากกว่าการปฎิบัติบูชาด้วยการให้ทาน รักษาศีล และฝึกฝนอบรมตนอยู่ในกุศลธรรม

 >:( >:( >:(

การศึกษาธรรมด้วยการอ่านและการฟังตามกาลจะมีส่วนสำคัญต่อการเพิ่มพูนความรู้ในพระพุทธศาสนาซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการนำไปใช้ดำเนินชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตการศึกษา ชีวิตการทำงาน  ชีวิตครอบครัวและชีวิตในสังคม แต่ก็ยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนในหมู่พุทธศาสนิกชนว่าการศึกษาธรรมเป็นเรื่องของคนแก่หรือคนที่มีปัญหาชีวิต นับว่าเป็นความเข้าใจผิดเป็นอย่างยิ่ง

เนื่องจากการนับถือพุทธนั้นเพราะต้องการสิ่งที่เป็นที่พึ่งทางใจ  ฉะนั้นการนับถือพุทธจึงต้องศึกษาเรียนรู้เพื่อจะได้นำไปประพฤติและปฎิบัติอย่างถูกต้องตามแนวทางคำสอนของพระพุทธเจ้า จากคนที่ไม่รู้ธรรมอะไรเลย  แล้วค่อยๆ เรียนรู้ทีละเล็กทีละน้อยจะส่งผลให้มีความรู้และความเข้าใจอย่างถูกต้องตามลำดับ


 :welcome: :welcome: :welcome:

พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาของผู้มีปัญญา เพราะเป็นศาสนาที่สอนให้รู้ความจริงของสรรพสิ่ง มีเหตุและมีผล หากสามารถนำไปฝึกฝนให้เป็นปัญญาของตนเองได้ก็จะมีความเจริญก้าวหน้าตามลำดับขั้น  เริ่มตั้งแต่ความทุกข์ลดลงเพราะจิตใจที่สงบจากความโลภ ความโกรธและความหลง สติก็จะเริ่มมีมากขึ้นและปัญญาก็จะมีเพิ่มขึ้น   สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยตนเองทั้งสิ้น

ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกาภิวัตน์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบทุนนิยมเสรี สังคมโลกจึงมีแต่การแข่งขันทางธุรกิจการค้าและเอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน โดยไม่คำนึงถึงความเท่าเทียม ความมีคุณธรรมและจริยธรรม ส่งผลให้สังคมโลกเกิดความปั่นป่วนโกลาหลเพราะตกอยู่ภายใต้การครอบงำทางความคิดของประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ
   ผู้คนทั้งหลายในโลกจึงเป็นทาสของสังคมบริโภคนิยม เห็นแก่ได้  บูชาเงินตราเป็นพระเจ้า แก่งแย่งแข่งขันชิงดีชิงเด่นเพื่อแสวงหาเงินตราในการตอบสนองต่อความต้องการของตนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด


 :25: :25: :25:

ในวันอาสาฬหบูชาปี พ.ศ. 2556 นี้  กาลเวลาได้ล่วงเลยมาถึง 2,601 ปี ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาธรรมจักรกัปปวัตนสูตรแก่ปัญจวัคคีย์ถึงเรื่องอริยสัจ 4  ประกอบด้วย ทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ ความดับทุกข์ และทางแห่งการดับทุกข์ 
    พุทธศาสนิกชนจึงควรได้พิจารณาทบทวนประสบการณ์ชีวิตของตนเองในห้วงเวลาที่ผ่านมา ว่ามีความรู้และความเข้าใจในคำสอนของพระพุทธเจ้ามากน้อยเพียงไร  ได้น้อมนำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาประพฤติและปฎิบัติให้เกิดประโยชน์ ทั้งในชีวิตการศึกษา  ชีวิตการทำงาน ชีวิตครอบครัวและชีวิตในสังคมหรือไม่ 

อย่าได้ประมาทกับการดำเนินชีวิต หากสามารถใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์กับการศึกษาธรรมด้วยการอ่านและการฟังธรรมตามกาลอย่างเหมาะสม  จะเป็นประโยชน์ต่อชีวิตตนทั้งในโลกนี้และโลกหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระพุทธศาสนาจะมีความมั่นคงยิ่งขึ้นสมกับเป็นศาสนาประจำชาติของประเทศไทยและเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาของโลก


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.dailynews.co.th/article/358/220671
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

Roj khonkaen

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 414
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า