ฮือฮาวัวนิสัยประหลาด ชอบนอนเตียงปูฟูก
ชาวห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ ฮือฮาลูกวัวพันธุ์ไทยนิสัยประหลาด ชอบพักผ่อนนอนบนเตียง จนเจ้าของบ้านต้องจำยอมยกเตียงให้วัวนอน เชื่อเป็นคนกลับชาติมาเกิด แห่ลูบไล้ขอเลขเด็ด
เมื่อวันที่ 14 ส.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายหลอด บุตรดี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 ต.ห้วยทับทัน อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ ว่า มีวัวนิสัยประหลาดชอบพักผ่อนนอนบนเตียงคล้ายกับมนุษย์ ที่บ้านเลขที่ 103 หมู่ 3 บ้านบกพอก ต.ห้วยทับทัน ของ นางนิตยา โสภา อายุ 33 ปี จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบชาวบ้านกลุ่มใหญ่ กำลังพากันรุมล้อม “เจ้าฝน” ลูกวัวพันธุ์พื้นบ้านไทย เพศผู้ สีแดงปนส้ม อายุ 5 เดือน ที่กำลังนอนอย่างสบายอารมณ์ บนเตียงนอนขนาด 5 ฟุต ซึ่งปูด้วยฟูกหนานุ่ม
นางนิตยา เล่าว่า เลี้ยงวัวทั้งหมด 6 ตัว ลักษณะภายนอกของเจ้าฝน ก็ดูปกติเหมือนวัวตัวอื่นทั่วไป แต่มักจะมีนิสัยแปลกๆ คือ หากเปิดประตูบ้านทิ้งไว้ เจ้าฝนจะเดินเข้าไปในบ้านทันที หากพบเห็นตนก็จะพยายามไล่ออกไปทุกครั้ง กระทั่งเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ตนกลับมาบ้านในช่วงหัวค่ำ ก็ต้องประหลาดใจ เมื่อเห็นเงาตะคุ่มขนาดใหญ่อยู่บนที่นอน เมื่อเปิดไฟดู ก็พบว่าเป็นเจ้าฝนที่แอบมานอนเอกเขนกเหยียดขา คอพาดหมอนอย่างสบายอารมณ์

นางนิตยา เล่าต่อว่า หลังจากนั้นจึงเรียกเพื่อนบ้านมาดู แม้ว่าจะมีผู้คนแห่มารุมล้อมแน่นขนัดเต็มบ้าน แต่เจ้าฝนก็ไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน หรือตื่นตกใจกลัวเหมือนวัวทั่วไป มิหนำซ้ำยังหลับตาพริ้ม นอนให้ผู้คนลูบไล้เล่นอย่างสบายอารมณ์ จากนั้นเป็นต้นมา เจ้าฝนก็ถือสิทธิ์เดินเข้าบ้าน ขึ้นนอนบนเตียงทั้งกลางวันและกลางคืน กระทั่งตนและลูกต้องสละเตียงนอนให้เจ้าฝน ส่วนตนก็ปูเสื่อนอนกับพื้นแทน
ขณะที่ชาวบ้านรอบข้าง ต่างพากันเชื่อว่า เจ้าฝนเป็นมนุษย์กลับชาติมาเกิด จึงนำธูปเทียนขันดอกไม้ มากราบไหว้กันอย่างคึกคัก บ้างก็ลูบไล้ตามเนื้อตัวหาเลขเด็ด ตามความเชื่อของแต่ละคน ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจว่า เจ้าฝนนั้นแสนเชื่อง สายตามองหน้าหูกระดิกฟังคำคนพูด ราวกับรู้ภาษาคน บอกให้นอนก็ทำท่าทางหูแนบที่นอน หลับตาพริ้ม จนกลายเป็นขวัญใจชาวบ้านในแถบนั้น.
ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.dailynews.co.th/thailand/226109
นิทานธรรมะ : ตายกี่ชาติก็ขาดเธอไม่ได้
มีชาย 2 คนพี่น้อง คนผู้พี่มีภรรยาแล้ว ส่วนผู้น้องนั้นก็ไปคบหาทำชู้กับพี่สะใภ้ พี่สะใภ้เกิดอาการหลงรักผู้น้องขึ้น จึงยุยงให้น้องฆ่าพี่เสียจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ฝ่ายน้องชายด้วยความรักที่ท่วมทับอย่างโงศีรษะไม่ขึ้นจึงเชื่อนางอย่างสนิทใจ หวังจะได้อยู่ร่วมชายคาฉันผู้ผัวตัวเมียกับพี่สะใภ้
พี่ชายนั้น เมื่อถูกฆ่าตาย เขาได้คิดถึงความรักที่เฝ้าฟูมฝักต่อนางตั้งแต่ต้นจนถึงบัดนี้ ทำให้เกิดความรักยิ่งในนาง ด้วยความรักนั้นเอง ทำให้เขามาบังเกิดเป็นงูเขียวอยู่ที่เรือนหลังนั้น ไม่ว่านางผู้เคยเป็นภรรยาจะนั่งในที่ไหน งูเขียวคงวนเวียนไปใกล้ๆ นางด้วยความรักใคร่อยู่ไม่ห่าง แต่แล้วเหตุการณ์ซ้ำสองก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เหมือนเหตุการณ์ที่หน้ารัฐสภาที่วนเวียนเกิดขึ้นไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ระหว่างผู้มีอิทธิพลกับคนจนติดดิน .. เมื่อนางบังเกิดโทสะฆ่างูเขียวซึ่งอดีตคือสามีของนางเสีย
ฝ่ายงูเขียวครั้นตายแล้ว ก็ยังมิวายจืดจางความรักที่มีต่อนางได้ จึงมาบังเกิดเป็นสุนัขอยู่ในบ้านนั้นนั่นเอง ครั้นสุนัขนั้นเจริญเติบใหญ่ก็บังเกิดความรักใคร่หญิงนั้นอีก ไม่ว่านางจะไปไหน ก็คอยติดสอยห้อยตามไปเสียทุกที จนคนทั้งหลายพากันหัวเราะเยาะเย้ยว่านั่นพรานสุนัขไปแล้ว ๆๆ จนนางหมดความอดทน เธอสวมวิญญาณฆาตกรอีกครั้ง สุนัขผู้โชคร้ายจึงกลายเป็นศพในเวลาต่อมา
สุนัขนั้น แม้เมื่อตายก็มิได้หายรักไม่ ยังคงรักนางอยู่ไม่จืดจาง จึงได้มาเกิดเป็นโคอยู่ในบ้านนั้น เมื่อเติบใหญ่ก็มีจิตรักใคร่ในหญิงนั้น จะไปไร่ไถนาก็ติดตามไป จนหญิงนั้นเกิดความไม่พอใจ ฆ่าโคตายไปในที่สุด
โคผู้น่าสงสาร แม้เกิดมาในกำเนิดแห่งเดรัจฉาน แต่มันก็ยังมีความรักที่ได้ฟูมฝักมาแต่ครั้งยังเป็นคน ด้วยความรักอันนั้น จึงได้เกิดในท้องแห่งหญิงนั้นนั่นเอง เมื่อนางคลอดบุตรมาแล้ว ปรากฏว่าเป็นชาย ตายายญาติพี่น้องต่างดีใจกันเป็นหนักหนาได้บุตรสักคราละทีนี้
ฝ่ายบุตรนั้น ทันทีที่คลอดออกมาก็ระลึกชาติได้ในหนหลังว่า หญิงผู้เป็นแม่นี้เป็นอริศัตรูกับเราทุกชาติทุกครา ไม่ว่าเราจะเกิดในกำเนิดใดก็ตามจองเวรจองภัยฆ่าไปเสียในทุกครา เมื่อระลึกได้ดังนี้แล้ว จึงไม่ให้หญิงผู้เป็นแม่นั้นจับต้องเลย พอนางจะอุ้มแกก็ร้องไห้จนลั่นบ้าน ตายายจึงนำมาเลี้ยงอุปการะไว้ตลอดมา
ครั้นทารกนั้นเติบใหญ่สอนพูดจาได้ ตายายจึงไต่ถาม ทารกนั้นจึงบอกความว่า หญิงนี้ไม่ใช่มารดาเป็นหญิงข้าศึก เบียดเบียนฆ่าให้ตายมาหลายชาติแล้ว คนทั้งหลายยายตาได้ฟังหลานเล่าเรื่องราวมาให้ฟังก็รู้เหตุ จึงมีความสังเวชสลดใจแล้วก็เลี้ยงไว้ ครั้นหลานโตใหญ่ตาก็พาหลานไปสู่วิหารแห่งหนึ่ง สองคนตาหลานก็บวชในพระพุทธศาสนา เจริญพระวิปัสสนาก็ได้สำเร็จพระอรหัต ตัดกิเลสขาดจากสันดาน ดับขันธ์แล้วเข้าสู่พระนิพพานพ้นจากกองทุกข์. ที่มา : ของฝากจากพ่อลี เรื่องที่ ๑
http://thaimisc.pukpik.com/freewebboard/php/vreply.php?user=dokgaew&topic=2980