ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “ครีมเทียม” ใส่มากเกินไป..อันตรายกว่าที่คิด.!!  (อ่าน 1452 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29440
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


“ครีมเทียม” ใส่มากเกินไป..อันตรายกว่าที่คิด.!!

1 ใน 3 ส่วนของส่วนประกอบในครีมเทียมนั้น คือ “ไขมัน” และ 2 ส่วนที่เหลือ คือ “น้ำเชื่อมกลูโคส” หรือน้ำตาลนั่นเอง

ช่วงนี้ผู้เขียนได้รับเชิญไปบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับระบบความปลอดภัยของอาหารอยู่บ่อย ๆ สิ่งที่ขาดไม่ได้ในทุก ๆ การบรรยาย นั่นก็คือ ช่วงพักเบรค หรือ ที่เราเรียกกันว่า คอฟฟี่เบรค ผู้เขียนแอบสังเกตเห็นผู้เข้าฟังบรรยายแต่ละท่านในช่วงพักเบรค ตอนที่ใส่ครีมเทียมลงในแก้วกาแฟ แล้วถึงกับ..ตกใจ!!

ท่านผู้อ่านที่รักสุขภาพทั้งหลายทราบกันไหมคะว่า 1 ใน 3 ส่วนของส่วนประกอบในครีมเทียมนั้น คือ “ไขมัน” และ 2 ส่วนที่เหลือ คือ “น้ำเชื่อมกลูโคส” หรือน้ำตาลนั่นเอง ส่วนประกอบอื่นอีกนิดหน่อยก็เป็นสารเคมีในการแต่งกลิ่น และสี มีสารป้องกันการเกาะตัวเป็นก้อน โปรตีนนม หรือ โซเดียมเคซิเนต อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว สาวกที่ชอบดื่มกาแฟแล้วใส่ครีมเทียมทีละหลาย ๆ ช้อน เพื่อเพิ่มความมัน คงต้องรีบหยิบซองครีมเทียมมาอ่านฉลากเพื่อดูส่วนประกอบกันใช่ไหม ดูแล้วคงผวา เพราะส่วนประกอบแต่ละอย่าง หากบริโภคเข้าไปในปริมาณมาก ก็ส่งผลร้ายต่อร่างกายเราได้เหมือนกัน

 :49: :49: :49:

ครีมเทียม เป็นผลิตภัณฑ์เลียนแบบครีมจากน้ำนมโคที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจนมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เพราะเนื่องจากครีมเทียมมีราคาถูก สะดวกในการใช้ และเป็นของแห้งทำให้เก็บรักษาไว้ได้นาน ครีมเทียมมีส่วนประกอบคล้ายครีมจากน้ำนมโคคือ มีส่วนประกอบหลักเป็นไขมัน โปรตีน และน้ำตาล ครีมเทียมทำเลียนแบบครีมแท้โดยการนำส่วนประกอบไขมันจากน้ำมันปาล์ม โปรตีนนมที่แยกออกจากน้ำนมโค น้ำตาลทรายและน้ำ กลับมาผสมรวมกัน

โดยต้องมีส่วนประกอบอื่นอีก ในการทำส่วนผสมหลักดังกล่าวสามารถรวมเป็นเนื้อเดียวคล้ายคลึงกับครีมแท้ แล้วจึงนำไปทำให้แห้งเป็นผงละเอียดส่วนประกอบของครีมเทียม อันได้แก่ไขมันจากปาล์มเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุด เพื่อให้ความมัน และโปรตีนจะช่วยเสริมไขมันในการทำให้ครีมเทียมมีสีขาวเมื่อกระจายตัวในน้ำและให้ความข้นได้เนื้อสัมผัสที่ดี


 :s_hi: :s_hi: :s_hi:

นอกจากนี้ยังให้กลิ่นรสของโปรตีน ซึ่งโปรตีนที่นิยมใช้ คือโปรตีนที่ได้จากการตกตะกอนโปรตีนนม แล้วทำให้แห้งเป็นผงละเอียด ที่เรียกว่า โซเดียมเคซิเนต น้ำตาลทำหน้าที่ให้รสหวาน และให้ความข้น น้ำตาลที่นิยมใช้ก็คือ กลูโคสไซรัป (glucose syrup) มีการใช้สารอิมัลซิไฟเออร์ในส่วนประกอบเพื่อช่วยให้การรวมตัวกันของไขมันและส่วนประกอบอื่น ๆ รวมตัวกันได้ดี

สารอิมัลซิไฟเออร์ที่นิยมใช้ คือมอโนกลีเซอร์ไรด์รวมกับพอลิซอร์เบต 60 และยังมีการใช้สารให้กลิ่นรส คือสารที่ให้กลิ่นรสนม กรรมวิธีการผลิตครีมเทียม คือการผสมส่วนประกอบทั้งหมดยกเว้นน้ำมันพืชและสารอิมัลซิไฟเออร์ลงในน้ำให้กระจายตัวเข้ากันดีแล้วเติมน้ำมันพืชและสารอิมัลซิไฟเออร์ ผสมให้น้ำมันพืชกระจายตัวสม่ำเสมอ และนำไปเข้าเครื่องเครื่องฮอโมจิไนเซอร์ซึ่งเป็นเครื่องลดขนาดน้ำมันให้มีขนาดอนุภาคเล็กกว่า 2 ไมครอน (1 ไมครอน = 0.0001 ซม.) ทำให้ส่วนผสมรวมตัวเป็นเนื้อเดียวกัน และเข้าสู่การทำให้แห้งเป็นผงต่อไป


 :coffee2: :coffee2: :coffee2:

ที่ผู้เขียนได้พยายามยกกระบวนการมาอธิบายอย่างคร่าว ๆ ก็เพื่อให้คุณผู้อ่านทราบว่า เหตุใดครีมเทียมจึงมีการใช้ส่วนประกอบต่าง ๆ มากมาย ดังวัตถุประสงค์ที่ผู้บริโภคนำมาเติมลงในกาแฟ และเครื่องดื่มต่าง ๆ ก็เพื่อเพิ่มความมัน ให้เครื่องดื่มมีรสชาติกลมกล่อม ในราคาประหยัด หรือการใช้เพื่อทดแทนครีมจากนมซึ่งมีราคาแพง

จะเห็นได้ว่าส่วนประกอบต่าง ๆ ในครีมเทียมนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ส่งผลร้าย หากร่างกายได้รับในปริมาณมากเกินความจำเป็น ทั้งไขมันพืช และน้ำตาล ซึ่งไขมันในครีมเทียมนั้น จัดเป็นไขมันทรานส์ ซึ่งเป็นไขมันตัวร้ายที่อาจก่อให้เกิดสภาวะที่ผิดปกติกับร่างกาย คือ ทำให้ร่างกายมีน้ำหนักและไขมันส่วนเกินเพิ่มมากขึ้น, มีภาวะการทำงานของตับที่ผิดปกติ, มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (Coronary Heart Disease) โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด

จากหลาย ๆ งานวิจัยที่ศึกษาถึงเรื่องไขมันทรานส์ และเมื่อเรากินน้ำตาล (คาร์โบไฮเดรต) มากเกินไป โดยเฉพาะพวกน้ำตาลเชิงเดี่ยว (น้ำตาลทราย น้ำผึ้ง น้ำตาลในผลไม้ น้ำตาลในนม) น้ำตาลจะเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ทำให้เลือดมีสภาวะเป็นกรดมากเกินไป ร่างกายเกิดภาวะไม่สมดุล จึงมีการดึงแร่ธาตุจากส่วนต่าง ๆ ภายในร่างกายมาแก้ไขความไม่สมดุล ทั้งยังทำให้เกิดไขมันสะสม น้ำตาลจะถูกเก็บไว้ที่ตับ ในรูปของไกลโคเจน แต่ถ้ามีมากจนเกินไป ตับก็จะส่งไปยังกระแสเลือด และเปลี่ยนเป็นกรดไขมัน โดยจะสะสมไว้ในส่วนของร่างกาย ที่มีการเคลื่อนไหวน้อย เช่น สะโพก ก้น ขาอ่อน หน้าท้อง


 :96: :96: :96:

หากยังคงรับประทานน้ำตาลอย่างต่อเนื่อง กรดไขมันจะสะสมไว้ที่อวัยวะภายในอื่นๆ เช่น หัวใจ ตับ และไต ดังนั้น อวัยวะเหล่านี้จะค่อย ๆ ถูกห่อหุ้มด้วยไขมันและน้ำเมือก ร่างกายจะเริ่มผิดปกติ ความดันเลือดจะสูงขึ้น อาการปวดศีรษะเรื้อรัง เป็นตะคริวเวลามีรอบเดือน เป็นสิว ผื่น แผลพุพอง ตกกระ แผลริดสีดวงทวาร ไมเกรน เบาหวาน วัณโรค โรคหัวใจ มะเร็งตับ เหล่านี้ล้วนสัมพันธ์ กับการรับประทานน้ำตาลมากเกินไปด้วยนะคะ และน้ำตาลยังทำให้อาการของโรคติดเชื้อที่เป็นอยู่ ทวีความรุนแรงขึ้น เพราะเชื้อโรคทุกชนิดใช้น้ำตาลเป็นอาหาร

เมื่อผลร้ายมากกว่าผลดีต่อสุขภาพอย่างนี้ คุณผู้อ่านที่รักสุขภาพทั้งหลาย คงต้องหันมาลด ละ เลิก หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคครีมเทียมลงกันดีกว่า เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว หรือลองหันมาใช้นมสดใส่ลงในกาแฟ หรือเครื่องดื่มต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความมัน แทนการใช้ครีมเทียมกันดีกว่า นอกจากกาแฟแล้ว ผู้เขียนยังเห็นว่าเครื่องดื่มประเภทพวกชานม ชานมไข่มุก ยังมีการเติมครีมเทียมในเครื่องดื่มนั้น ๆ ในปริมาณมากอีกด้วย เด็ก ๆ ที่ชอบทานเครื่องดื่มเหล่านี้ อาจต้องระมัดระวัง หรือเลือกซื้อกับร้านที่ใช้นมผงหรือนมสดเป็นส่วนประกอบกันดีกว่า

อย่าลืมนะคะว่า You are what you eat ทานอะไรก็ส่งผลต่อร่างกายเราตามสิ่งที่เราทานนั่นแหละค่ะ

ข้อมูลบางส่วนจาก http://www.foodnetworksolution.com/
รูปประกอบจาก http://www.creditonhand.com/

"PrincessFangy"
twitter.com/PrincessFangy


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.dailynews.co.th/article/825/227870
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ