พิมพ์

[raponsan]

ระวัง...ทีวีของคุณอาจกำลังมองคุณอยู่ - รอบรู้ไอที รอบโลกเทคโนโลยี

ผมเชื่อว่าคุณผู้อ่านแทบทุกท่านจะต้องมีทีวีอยู่ที่บ้านแน่นอน แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าทีวีที่คุณดูอยู่ กำลังจ้องมองคุณกลับ แค่คิดก็น่ากลัวแล้วใช่ไหมครับ ซึ่งผมไม่ได้หมายถึงเรื่องผีสางเทวดาเหนือธรรมชาติที่มาจ้องมองเรา แต่ผมกำลังพูดถึงเทคโนโลยีที่สร้างโดยมนุษย์ และมนุษย์ก็ใช้เทคโนโลยีเหล่านั้นเพื่อเข้ามาล้วงความลับของเรา ซึ่งเป็นเรื่องจริง ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในโลกของเรา

ถ้าพูดว่าทีวีสามารถจ้องมองเรากลับได้ แสดงว่าต้องมีกล้องติดอยู่ที่ทีวีน่ะสิ คุณผู้อ่านอาจสงสัยว่าทีวีจะมีกล้องได้อย่างไร ใช่ครับ ทีวีที่ผมกำลังจะพูดถึงคือ สมาร์ททีวี (Smart TV) ก่อนอื่นอธิบายคร่าว ๆ ก่อนนะครับว่าอะไรคือ Smart TV และมันแตกต่างกับทีวีสมัยก่อนอย่างไร

Smart แปลว่า ฉลาด เพราะฉะนั้น Smart TV พูดง่าย ๆ ก็จะคล้ายกับสมาร์ทโฟน (Smart Phone) นั่นเอง สมัยก่อนโทรศัพท์มือถือมีความสามารถในการโทรฯออกและรับสายเพียงอย่างเดียว แต่ในปัจจุบันมีโทรศัพท์มือถือที่เราเรียกกันติดปากว่า สมาร์ทโฟน ที่มีความสามารถเพิ่มมากขึ้น ทั้งมีกล้องถ่ายรูป สามารถเชื่อมต่อกับระบบ อินเทอร์เน็ต หรือแม้แต่ไว้ใช้ดูหนังฟังเพลงต่าง ๆ รวมถึงสามารถลงแอพพลิเคชั่นเพิ่มเติมได้อีกมากมาย

 

สมาร์ททีวีเองก็จะคล้าย ๆ กันครับ เมื่อก่อนทีวีที่ใช้กันตามบ้านก็มีไว้เพื่อดูหนัง ดูละคร ไม่ได้มีฟังก์ชันที่หลากหลาย และยังจำเป็นต้องพึ่งแหล่งข้อมูลจากภายนอกในการแสดงผล เช่น เครื่องเล่นวิดีโอ เครื่องเล่นดีวีดี หรือเครื่องเกมต่าง ๆ มาในยุคของสมาร์ทโฟนก็เลยมีคนคิดสมาร์ททีวี ที่สามารถใช้งานแอพพลิเคชั่นได้หลากหลาย เช่น ใช้งานอินเทอร์เน็ตหรือพวกโซเชียล เน็ตเวิร์กต่าง ๆ ได้

รวมถึงมีกล้องหรือไมโครโฟนติดอยู่ที่ทีวีด้วย เพื่อให้เราสามารถควบคุมหรือสั่งงานทีวีด้วยเสียง ท่าทาง หรือแม้แต่การล็อกอินด้วยระบบรู้จำใบหน้า (Face Recognition) ได้ เรียกว่า เหมือนกับเอาคอมพิวเตอร์มารวมกับทีวีสมัยก่อน แล้ว  กลายมาเป็นสมาร์ททีวีนั่นเองครับ

แต่ความทันสมัยแบบใหม่ ๆ ก็มาพร้อมกับภัยในรูปแบบใหม่ ๆ เสมอครับ การที่เรามีกล้องติดอยู่ที่สมาร์ททีวี ซึ่งเชื่อมต่ออยู่กับระบบอินเทอร์เน็ต ก็เป็นโอกาสให้แฮกเกอร์ (Hacker) หรือผู้ไม่หวังดีที่มีความสามารถทางคอมพิวเตอร์ สามารถเจาะเข้ามาในระบบสมาร์ททีวีของเราเพื่อบังคับกล้องให้เปิดและบันทึกภาพของเราในห้องนอนหรือห้องนั่งเล่น แล้วส่งข้อมูลทั้งหมดผ่านระบบอินเทอร์เน็ต กลับไปสู่ผู้ไม่หวังดีเหล่านั้นได้สบาย ๆ ก็ไม่อยากจะคิดนะครับว่าถ้าใครเอาทีวีไปติดไว้ในห้องน้ำเพื่อดูข่าวไปอาบน้ำไป จะน่ากลัวขนาดไหน

 

โดยในงานสัมมนาด้านความปลอดภัย Black Hat ที่เพิ่งจัดขึ้นที่สหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 2013 เมื่อเดือนก่อนนี้เอง ได้มีการสาธิตการเจาะระบบของสมาร์ททีวีของซัมซุงรุ่นปี ค.ศ. 2012 เพื่อบังคับให้เปิดกล้องของตัวเครื่องสมาร์ททีวี และเข้าไปล้วงข้อมูลใน โซเชียลเน็ตเวิร์กต่าง ๆ เช่น Facebook, Twitter หรือแม้แต่โปรแกรมอย่าง Skype รวมถึงการเข้าถึงไฟล์และระบบการทำงานเบื้องต้นของสมาร์ททีวี อีกด้วย

โดยสำนักข่าวยักษ์ใหญ่อย่าง ซีเอ็นเอ็น ก็ได้เข้าไปทำข่าวเรื่องนี้ด้วย ผมเห็นนักข่าวสาวของซีเอ็นเอ็นถึงกับหน้าถอดสีทันทีที่เขาเห็นรูปตัวเองโดนแฮกขึ้นหน้าจอทีวี แต่ก็เข้าใจได้ครับ เป็นใครก็ต้องตกใจที่ตัวเองโดนใครไม่รู้มาแอบดูความเป็นส่วนตัว ผู้ชายก็ว่าแย่แล้ว ไหนจะผู้หญิงอีก เรียกว่างานนี้ทำเอาผู้ใช้สมาร์ททีวีทั่วโลกแทบจะรีบหาเทปไปพันปิดกล้องทีวีของตัวเองแทบไม่ทันเลย

เหตุการณ์นี้ถือเป็นความท้าทายของบริษัทผู้ผลิตสมาร์ททีวี ว่าจะสามารถแก้ปัญหานี้หรืออย่างน้อยคือจำกัดปัญหานี้ให้อยู่ในวงแคบที่สุดได้อย่างไร เพราะปัจจุบัน สมาร์ททีวีนั้นมีจำนวนกว่า 70 ล้านเครื่องทั่วโลก ซึ่งหากแก้ปัญหานี้ไม่ได้ นี่ก็อาจจะกลายเป็นการเจาะระบบตามบ้านเรือนที่ใหญ่ที่สุดในโลกครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้ครับ.

ผศ.ดร.ชุติสันต์ เกิดวิบูลย์เวช
หัวหน้าภาควิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT)
วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต
chutisant.k@rsu.ac.th

ขอบคุณบทความและภาพจาก
http://www.dailynews.co.th/technology/228919