หลวงปู่พุทธอิสระส่งทนายแจ้งความเจ้าคณะจังหวัด-หลวงพี่น้ำฝน"ล่วงละเมิด-ข่มขู่คุกคาม"
เมื่อวันที่ 2 กันยายน พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือหลวงปู่พุทธะอิสระ แห่งวัดอ้อน้อย ธรรมอิสระ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เปิดแถลงข่าวว่า เนื่องจากวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 13.00 น. พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ กิตติจิตโต หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม พร้อมชายฉกรรจ์ 5 คน และนายวิโรจน์ อุ่นทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม เดินทางเข้ามาในเขตวัดอ้อน้อย ธรรมอิสระ โดยไม่ได้รับอนุญาต และมีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ ไม่ชอบด้วยกฎหมายและกฎมหาเถรสมาคม
พร้อมกับกล่าวอ้างว่า เป็นหัวหน้าคณะพระวินยาธิการ จังหวัดนครปฐม มีอำนาจและขอให้พระทุกรูปภายในวัดอ้อน้อย ธรรมอิสระ 46 รูป ยินยอมตรวจปัสสาวะ เพื่อหาสารเสพติด และอ้างว่าเป็นคำสั่งของพระราชรัตนมุนี วัดพระปฐมเจดีย์ เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ตามมติของคณะสงฆ์จังหวัดนครปฐมที่ให้เป็นผู้มีอำนาจในการจัดการ
หลวงปู่พุทธะอิสระกล่าวว่า หาเล่ห์ที่จะเล่นงาน เชื่อได้โดยสุจริตใจในพฤติกรรมของเจ้าคณะปกครองจังหวัดนครปฐม กับนายน้ำฝนว่าน่าจะอาศัยอำนาจมติคณะสงฆ์ มาเล่นงาน ปกติการตรวจปัสสาวะพระ ได้สอบถามไปทางเจ้าคณะปกครองทั้งระดับตำบลและระดับอำเภอว่า มีมติให้พระพระวินยาธิการ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม แต่ต้องแจ้งให้พระปกครองระดับตำบล และพระปกครองในระดับอำเภอทราบ แต่ต้องขออนุญาตสมภารก่อน ถ้าสมภารไม่อนุญาต ก็ไม่สามารถก้าวล่วงอำนาจของสมภาร เพราะเจ้าพนักงานโดยกฎหมายเป็นพระปกครองชั้นต้น 
ขณะที่พระอธิการศิริชัย สิริโสภโณ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ธรรมอิสระ พร้อมด้วยนายพายับ เฮ้าประมงค์ ทนายความ เดินทางไปที่ สภ.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม และเข้าแจ้งความ กับ ร.ต.ท.อนุสรณ์ สุดโต พนักงานสอบสวน สภ.กำแพงแสน เพื่อแจ้งความแก่พระราชรัตนมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ กิตติจิตโต หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม และนายวิโรจน์ อุ่นทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม ในข้อหาล่วงละเมิดและข่มขู่คุกคาม
ด้านพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่าที่ประชุมพระสังฆาธิการระดับจังหวัดนครปฐมโดยมีพระราชรัตนมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม รองเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ รองเจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะตำบลในจังหวัด วันที่ 7 มิถุนายน 2556 ว่าเห็นชอบให้คณะสงฆ์ที่มีตำแหน่งและอำนาจร่วมกับหน่วยงานของราชการเข้าไปดำเนินการตรวจสิ่งเสพติดพระสงฆ์ทุกรูปภายในวัดทุกวัดในจังหวัดนครปฐม
โดยมีหน่วยงานที่ร่วมปฏิบัติคือ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตนในฐานะพระวินยาธิการจังหวัดนครปฐม (หัวหน้าตำรวจพระ) ก็ได้สนองต่อมติ โดยให้ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นผู้ไปสำรวจแล้วมาแจ้งให้ทางตนและคณะไปร่วมทำการตรวจสอบแบบสุ่มไม่ให้วัดใดรู้ตัว โดยให้ดำเนินการตรวจพระวัดไผ่ล้อมเป็นวัดแรกและทุกรูปรวมถึงอาตมาด้วย ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1378119966&grpid=&catid=19&subcatid=1906