ถ้ามัวรอให้รู้เรื่องที่ไม่จำเป็นเสียก่อน...ก็ตายเปล่า
มาลุงกยะบุตร.! เปรียบเหมือนบุรุษผู้หนึ่ง ถูกลูกศรอันกำซาบด้วยยาพิษอย่างแรงกล้า, มิตร อมาตย์ ญาติสาโลหิต จัดการเรียกแพทย์ผ่าตัดผู้ชำนาญ.
บุรุษอย่างนั้นกล่าวอย่างนี้ว่า
ถ้าเรายังไม่รู้จักตัวบุรุษผู้ยิงเราว่า เป็นกษัตริย์ พราหมณ์ เวสส์ศูทร ชื่อไร โคตรไหน ฯลฯ,
ธนูที่ใช้ยิงนั้นเป็นชนิดหน้าไม้หรือเกาทัณฑ์ ฯลฯ เสียก่อนแล้ว,
เรายังไม่ต้องการจะถอนลูกศรอยู่เพียงนั้น.
มาลุงกยะบุตร ! เขาไม่อาจรู้ข้อความที่เขาอยากรู้นั้นได้เลย ต้องตายเป็นแท้ !
อุปมานี้ฉันใด, อุปไมยก็ฉันนั้นเหมือนกัน, บุคคลผู้นั้นกล่าวว่า เราจักยังไม่ประพฤติพรหมจรรย์ในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้า จนกว่าพระองค์จะแก้ปัญหาทิฐิ ๑๐ แก่เราเสียก่อน, และตถาคตก็ไม่พยากรณ์ปัญหานั้นแก่เขเขาก็ตายเปล่าโดยแท้.

มาลุงกยะบุตร ! ท่านจงซึมซาบสิ่งที่เราไม่พยากรณ์ไว้ โดยความเป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์. ซึมซาบสิ่งที่เราพยากรณ์ไว้ โดยความเป็นสิ่งที่เราพยากรณ์.
อะไรเล่าที่เราไม่พยากรณ์.?
คือ ความเห็นสิบประการว่า โลกเที่ยง โลกไม่เที่ยง โลกมีที่สิ้นสุด โลกไม่มีที่สิ้นสุด ฯลฯ (เป็นต้น),เป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์.

มาลุงกยะบุตร ! อะไรเล่าที่เราพยากรณ์.?
คือ สัจจะว่า "นี้เป็นทุกข์, นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์, นี้เป็นความดับไม่เหลือของทุกข์, และนี้เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์," ดังนี้ : นี้เป็นสิ่งที่เราพยากรณ์.
เหตุใดเราจึงพยากรณ์เล่า.?
เพราะสิ่งๆนี้ย่อมประกอบด้วยประโยชน์ เป็นเงื่อนต้นของพรหมจรรย์ เป็นไปพร้อมเพื่อความหน่ายทุกข์ ความคลายกำหนัด ความดับ ความรำงับ ความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม และนิพพาน.ที่มา
http://www.bds53.com/index.php?name=knowledge&file=readknowledge&id=95จาก จูฬมาลุงโกยวาทสูตร เรื่องพระมาลุงกยบุตรดำริถึงมิจฉาทิฏฐิ ๑๐
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๕ มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=13&A=2682&Z=2813&pagebreak=0ภาพจาก
http://www.madchima.net/