ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: นิพพานปราศจากทุกสิ่ง  (อ่าน 2623 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29351
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
นิพพานปราศจากทุกสิ่ง
« เมื่อ: กันยายน 20, 2013, 11:16:29 am »
0


นิพพานปราศจากทุกสิ่ง

ในภาวะที่จิตดำเนินไปเพื่อเข้าถึงกระแสแห่งพระนิพพานนั้น ใครมีกุศลกรรมมากก็ได้รับผลไปในทางความสุข ใครทำอกุศลกรรมมากก็จะได้รับผลไปในทางความทุกข์ กรรมทั้ง 2 อย่างนี้จะส่งผลต่างกัน เป็นเหตุในการเกิดเท่าๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นกุศลกรรม อกุศลกรรม ก็จะเป็นเหตุปัจจัยที่จะส่งผลให้กับการเกิดเหมือนกัน แต่การเกิดจะต่างกันไปตามกรรมที่ทำเอาไว้

แต่ในนิพพานนั้นจะไม่มีกรรมใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นกุศลกรรมและอกุศลกรรม ในนิพพานกรรมดีก็ไม่มี กรรมชั่วก็ไม่มี อยู่เป็นภาวะเหนือกรรมทั้งหมด ดังนั้นการที่จะเข้าถึงนิพพานก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสะสมบุญใดๆ ทั้งสิ้น เพราะนิพพานไม่มีการกลับมาเกิดแล้ว ไม่ต้องใช้กรรมใดๆ ทั้งสิ้น

คนที่แน่ใจแล้วว่าจะกลับมาเกิด ไม่สามารถเข้าถึงนิพพานได้ในชาตินี้ จึงเร่งสะสมแต่กุศลกรรม เพราะจะได้มาเกิดในที่ดีๆ ด้วยปัจจัยมาจากกรรมดีที่ทำไว้นั้น เรียกว่าการสะสมเสบียงบุญ แต่ถ้าเข้าถึงพระนิพพานเสบียงบุญนี้จะถือเป็นโมฆะ ไม่ว่าสะสมมาเท่าไรก็ต้องตัดทิ้ง สละซึ่งเสบียงนั้นออกให้หมด


 ans1 ans1 ans1

การปฏิบัติสมาธิก็เป็นไปเพื่อพระนิพพาน แม้ว่ามันก็สามารถแก้ปัญหาชีวิตประจำวันได้ระดับหนึ่ง ผู้ปฏิบัติควรมองไปไกลๆ การปฏิบัติสมาธิเพื่อแก้ทุกข์ไม่ให้ทุกข์ มันก็ได้ระดับหนึ่ง แต่พอปฏิบัติสมาธิไปมันไปรู้ธรรมะ มันก็จะได้เยอะกว่านั้น พอปัญญามันเบ่งบานไปไกลความทุกข์ใดๆ มันก็แก้ทุกข์นั้นได้หมด

บางครั้งเวลาที่เราได้ธรรมะ ไม่ใช่เทวดาเพียงอย่างเดียวที่มาช่วยเรา มารก็เข้ามาช่วย เอาเงินเอาทองมาช่วยเพื่อมาล่อให้เกิดความลุ่มหลง ไม่ได้ให้ความทุกข์เรา แต่ให้ความสุขเราเยอะๆ เราจะได้เปลี่ยนจิตเปลี่ยนใจว่าให้เรามายึดมั่นในโลกนี้ดีกว่า มันเป็นความสุข เป็นมารชั้นสูง

ถ้าอวิชชาครอบงำจิต จิตยังไม่ปล่อยวาง หลงยึดมั่นถือมั่นไว้กรรมอันนั้นก็เป็นเหตุในการเกิดใหม่ สมาธิทุกสายถ้าปฏิบัติถูกต้องตรงกันหมด มันก็ไปถึงจุดเดียวกันทั้งนั้น ส่วนประกอบอื่นๆ ที่เอามาขยายความกันมากมายมันมีสาระน้อย เพราะพระนิพพานเนื้อแท้อยู่ที่ตรงนี้เอง ส่วนประกอบขยายไม่จำเป็นต้องรู้มาก



พระนิพพาน คือ การสู้กับความคิดให้พ้นอำนาจอวิชชา ส่วนประกอบอื่นเป็นเพียงแค่โวหารไปพูดกัน ไปขยายความกันว่าใครรู้มากกว่ากัน สาธยายได้ล้ำลึกกว่ากัน แต่นิพพานเป็นธรรมชาติที่จิตดวงนี้มันเท่าทันความหลงในอวิชชาในใจเท่านั้นเอง เมื่อก้อนธาตุที่รวมกันเป็นตัวเป็นตนถึงเวลาแตกสลายแล้ว ก้อนธาตุต่างๆ ที่รวมกันเป็นร่างก็ไม่มีความหมาย ต้องสละทิ้งไป เหลือเพียงดวงจิตที่จะเข้าสู่นิพพานเท่านั้น

จิตดวงนี้ไม่มีสิ่งใดเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ จิตดวงนี้ไม่มีสัมภาระ จิตดวงนี้ไม่มีก้อนธาตุใดมาเป็นกายสังขารอีก กลายเป็นจิตเดิมแท้ที่ไม่มีเจ้าของแม้กระทั่งตัวจิตเอง พระนิพพานอยู่ตรงนี้ อยู่ที่ตรงไม่มีเจ้าของ ถ้าจิตยังมีเจ้าของอยู่ วิญญาณยังมีเจ้าของอยู่ จิตของเรา วิญญาณของเรา มันก็ยังมีเจ้าของอยู่ จิตนั้นก็เลยต้องกลับไปเกิดใหม่ เพราะมันยังมีเจ้าของ


 :25: :25: :25:

ต่อเมื่อจิตมันปล่อยวางความเป็นเจ้าของ มันเป็นจิตเฉยๆ เป็นธาตุรู้เฉยๆ มันไม่ใช่ของเรา มันเป็นของกลางๆ กรรมที่เป็นของของเรามันก็หมดไปด้วย จิตไม่มีเจ้าของกรรมนั้นก็ไม่มีเจ้าของ เมื่อจิตนั้นไม่มีอวิชชาหลงเหลือ จิตก็จะไม่กลับมาเกิดอีก ปฏิบัติไปก็เสร็จสิ้นลงที่ตรงนี้เอง

ส่วนอาการของจิต เมื่อศึกษาไปจะพากันหลงทางเข้าไปใหญ่ มันแยกย่อยออกไปมากมาย ถามว่าผิดไหม มันไม่ผิดหรอก เพียงแต่รู้ละเอียดไปขนาดนั้นไปทำไม ว่าต้นไม้ต้นนี้มีใบแก่กี่ใบ มีใบอ่อนกี่ใบ มีรากแก้วกี่เส้น มีรากฝอยกี่เส้น มันไม่ผิดที่จะรู้ขนาดนั้น แต่มันจำเป็นแค่ไหนที่ต้องรู้ขนาดนั้น.


ที่มา http://www.thaipost.net/tabloid/150913/79299
ภาพจาก http://www.madchima.net/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: นิพพานปราศจากทุกสิ่ง
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กันยายน 20, 2013, 07:57:50 pm »
0
ขออนุโมทนาสาธุ st12 st11
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา