พิมพ์

[raponsan]

หญิงไม่กลัวบาป จ้องเขมือบที่ดินวัด ชาวบ้านทนไม่ไหว ฮือต้าน!

หญิงไม่กลัวบาปกรรม จ้องเขมือบที่ดิน"วัดศรีสัชนาลัย สุโขทัย" บุกเข้าทำประโยชน์ ปลูกผลหมากรากไม้ แถมล้อมรั้ว ส่อเจตนาฮุบที่ ชาวบ้านนับร้อยทนไม่ไหว ฮือ! รวมตัวต้าน...

วันที่ 28 ก.ย. 56 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีชาวบ้าน 2 หมู่บ้าน รวมตัวกันที่วัดศรีสัชนาลัย ม.13 ต.ท่าชัย อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย เพื่อคัดค้าน กรณีที่ดินว่างเปล่าของวัด ถูกชาวบ้านบางคนเข้ามาปลูกต้นไม้ โดยอ้างว่า จะปลูกถวายวัด แต่กลับกั้นรั้วจะฮุบที่ดินผืนดังกล่าวเป็นของตนเอง จึงเดินทางไปพิสูจน์ข้อเท็จจริง พบบนศาลาการเปรียญของวัด มีชาวบ้านจากบ้านปางถ่าน ม.8 ต.หนองอ้อ และบ้านป่ากล้วยสามัคคี ม.13 ต.ท่าชัย จำนวน 100 กว่าคน นำโดยผู้ใหญ่บ้านของทั้งสองหมู่บ้าน กำลังจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ ถึงกรณีดังกล่าวอย่างเคร่งเครียด

 

ต่อมา นายทองสุข เณรพรม กรรมการวัด ได้กล่าวว่า วัดศรีสัชนาลัยแห่งนี้ได้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2514 โดยนายโต๊ะ เณรพรม พ่อของตน ได้ถวายที่ดินผืนดังกล่าว จำนวน 19 ไร่ 3 งาน 80 ตารางวา ตามเอกสารสิทธิ โดยทิศใต้ติดกับภูเขาอีบู่ แต่เมื่อพ่อตนขอทำรังวัดเพื่อขอออกโฉนดเพื่อจะถวายวัด เจ้าหน้าที่ที่ดินขณะนั้นไม่ยอมดึงเส้นกระเสเข้าไปติดภูเขา โดยเว้นที่ว่างไว้ประมาณ 3 ไร่กว่า โดยอ้างเหตุผลว่าเกรงจะเข้าไปทับที่ของป่าไม้

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่แนะนำว่า เมื่อถวายวัดแล้วก็ให้วัดถือปกครอง จะสร้างศาสนสถานใดๆ ให้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ แล้วสร้างได้เลย ไม่มีปัญหา จึงถือได้ว่า วัดศรีสัชนาลัย ได้ครอบครองที่ดินดังกล่าว มาตั้งแต่บัดนั้น จนถึงปัจจุบันไม่เคยมีปัญหาใดๆ

 

ครั้นต่อมา นางไพเราะ (นามสมมติ) ได้เข้ามาอุปถัมถ์พระในวัด โดยจัดทำภัตตาหารมาถวายเจ้าอาวาสเป็นประจำและได้นำต้นไม้ต่างๆ เช่น มะนาว กล้วยน้ำว้า น้อยหน่า ฯลฯ เข้ามาปลูกในที่ดินผืนดังกล่าว โดยอ้างกับเจ้าอาวาสว่าจะปลูกถวายวัด ซึ่งทางคณะกรรมการวัดไม่เห็นด้วย แต่ด้วยความเกรงใจเจ้าอาวาส จึงมิได้ว่ากล่าวใดๆ ต่อมาทางวัดจะก่อสร้างกำแพงที่สร้างค้างใว้ ขยายไปให้ติดภูเขา กลับถูกนางไพเราะขัดขวาง มิให้คณะกรรมการวัดเข้าไปดำเนินการใดๆ

โดยแสดงตนเป็นเจ้าของที่ดินและสร้างรั้วล้อมรอบที่ดินผืนดังกล่าวใว้ คณะกรรมการวัดเห็นว่า เรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ในฐานะที่วัดศรีสัชนาลัยนี้ เป็นวัดที่มีพี่น้องประชาชน 2 หมู่บ้าน มาทำบุญร่วมกัน จึงต้องการขอประชามติว่า ต้องการให้ที่ดินผืนดังกล่าวเป็นของวัดตามเจตนารมณ์ของ นายโต๊ะ เณรพรม เจ้าของที่ดิน หรือจะยอมให้นางไพเราะครอบครองเป็นของตนเอง

 

ปรากฏว่าชาวบ้านทั้งหมดยกมือสนับสนุนให้ที่ดินทั้งหมดเป็นสมบัติของวัด ซึ่งผู้ใหญ่บ้านทั้งสองหมู่บ้านและคณะกรรมการวัด จะได้นำรายชื่อทั้งหมดของชาวบ้าน ทำเรื่องเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว และจะดำเนินคดีกับนางไพเราะในข้อหาลักทรัพย์ด้วย เนื่องจากมีหลักฐานว่า แอบขโมยไฟฟ้าของวัดไปใช้เชื่อมโครงหลังคาเหล็กโรงเรือนที่ปลูกมะนาวด้วย.

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/content/region/372703